ไอพีโอน้องใหม่ MITSIB ลุยสนามเทรดวันแรก ลุ้นราคาวิ่งทะลุ 3 บ.

ไอพีโอน้องใหม่ MITSIB ลุยสนามเทรดวันแรก ลุ้นราคาวิ่งทะลุ 3 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 มิ.ย.) บริษัท มิตรสิบ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MITSIB เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน เป็นวันแรก โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และหุ้นชำระแล้ว 667 ล้านบาท พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 333.5  ล้านบาท ซึ่งบริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 167 ล้านหุ้น ที่ราคา IPO หุ้นละ 2.50 บาท

โดย นายกิตติ ยงค์สงวนชัย ประธานกรรมการ บริษัท มิตรสิบ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MITSIB เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าหุ้น MITSIB ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ในวันที่ 11 มิถุนายน 2562 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและด้วยความเชี่ยวชาญด้านการบริการสินเชื่อมานานกว่า 16 ปี จึงเป็นจุดแข็งของธุรกิจ

ด้าน นายนิติพัทญ์ ยงค์สงวนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MITSIB เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทตั้งเป้าเติบโตในส่วนของธุรกิจเดิมเพิ่มขึ้นประมาณ 30-35% จากพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะ ณ สิ้นปี 2561 ที่ 3,000 สัญญา มูลค่ากว่า 1,500-1,600ล้านบาท  ซึ่งหลังจากได้เงินไอพีโอเงินเข้ามาจะช่วยสนับสนุนในส่วนธุรกิจใหม่ ส่งผลให้โครงสร้างรายได้บริษัทปีนี้จะมาจากธุรกิจเดิมประมาณ 90% และอีก 10% เป็นธุรกิจใหม่ (สินเชื่อภายใต้การกำกับของ ธปท. และธุรกิจประกันภัย) และในปี 2563 คาดรายได้จากธุรกิจใหม่จะเพิ่มเป็น 20-25% ส่วนธุรกิจเดิมสัดส่วนจะเป็น 75-80%

นอกจากนี้เป้าหมายแผนธุรกิจ 3 ปี (ปี 2562-2565) บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อในปี 2565 จะมีประมาณ 5,000 สัญญา ซึ่งจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถแท็กซี่และรถโดยสารมาเป็นอันดับ 1 จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ 2-3 ของอุตสาหกรรม โดยโครงสร้างรายได้จะมาจากธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่สัดส่วน 50% และอีก 50% เป็นธุรกิจใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยง และจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 300 แห่ง จากสิ้นปีนี้ที่มี 10 แห่ง โดยจะรุกขยายสาขาในปีหน้า

ขณะที่นายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 1 บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ MITSIB ปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 11 มิถุนายน 2562 คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 29-31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาหุ้นที่เสนอขายมีความเหมาะสมกับพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจ โดย MITSIB มีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)  จำนวน 167  ล้านหุ้น อยู่ที่ราคาหุ้นละ 2.50 บาท

“เราเชื่อมั่นว่าหุ้น MITSIB จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายวันแรก 11 มิ.ย.นี้ สะท้อนจากในช่วงเปิดจองซื้อที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเกินคาดทั้งจากนักลงทุนบุคคลทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน เช่นกองทุนเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว(MV-LTF) เป็นต้น ทั้งนี้ การสนใจเข้าจองซื้อหุ้นไอพีโอ โดยนักลงทุนสถาบันดังกล่าวมีความเชื่อและเล็งเห็นถึงศักยภาพของบริษัทและมั่นใจในธุรกิจว่าบริษัทจะมีอัตราการปล่อยสินเชื่อที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีอัตราการดำเนินงานที่ดี” นายสัมฤทธิ์ชัย กล่าว

ทั้งนี้ MITSIB มีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง โดยล่าสุดผลประกอบการในไตรมาส 1/2562 มีรายได้รวมทั้งหมด 100.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 16.62 ล้านบาท  ซึ่งในอนาคตมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปต่อยอดธุรกิจ ก็ยิ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจมากยิ่งขึ้น

ด้าน บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น MITSIB ปี 2562 ที่ 3.74 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธี PBV Multiple ปี 2562 โดยอิงกับเป้าหมาย PBV ที่ 3.2 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยธุรกิจการเงินที่มีลักษณะใกล้เคียงกับบริษัทฯ และคาดการณ์มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นปี 19 ที่ระดับ 1.17 บาท

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิปี 2562-2564 เติบโต 23% ต่อปี ผลักดันโดยสมมติฐานจากยอดขายที่เติบโตปีละ 12% เติบโตตามการขยายพอร์ตสินเชื่อและขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขาจากเดิมที่มีอยู่ 4 สาขา รวมทั้งทั้งอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงที่ 18% ในปี 2562-2564 จาก 20.3% ในปี 2561 เนื่องจากค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงอีกทั้งบริการสินเชื่อผ่านตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นทาให้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนโฆษณาประชาสัมพันธ์ลง

โดยบล.คันทรี่ กรุ๊ป ประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 เพิ่มขึ้น 37% ที่ 78 ล้านบาท จากสมมติฐานรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ 550 ล้านบาท จากการขยายพอร์ทสินเชื่อและขยายฐานลูกค้า ภาพรวมคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 23% ในปี 2562-2564 โดยคาดว่ารายได้การดำเนินงานปี 2562-2564 เติบโตเฉลี่ยปีละ 12% โดยอยู่ที่ 550, 616 และ 677 ล้านบาทในปี 2562-2564 ตามลำดับ จาการขยายพอร์ทสินเชื่อและการขยายฐานลูกค้าจากการขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขาจากเดิมที่มีอยู่ 4 สาขาภายในปี 2562

สำหรับจุดเด่นของบริษัทฯ คือมีประสบการณ์ในการบริการสินเชื่อมานานกว่า 16 ปี โดยปัจจุบันให้บริการสินเชื่อครบวงจรแบบ One-Stop Service รวมไปถึงการบริการหลังการขาย โดยบริษัทฯให้สินเชื่อแบบไม่ตรวจสอบเครดิตบูโรทำให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยได้สูง อีกทั้งแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากเงินกู้ยืมระยะสั้นในรูปแบบของตั๋วสัญญาใช้เงินจึงทำให้มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ

Back to top button