คลัง-ธปท.เกาะติดสถานการณ์หลังเอดีบีเตือนจีนหวิดฟองสบู่แตก!

คลังและแบงก์ชาติ เกาะติดสถานการณ์ตลาดหุ้นจีนที่ปรับลดลงอย่างรุนแรงในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ห่วงกระทบส่งออก ขณะที่เอดีบีเตือนรับมือฟองสบู่แตกสถานการณ์ตลาดหุ้นจีนที่ปรับลดลงกว่า 30% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบทั้งตลาดเงินและตลาดทุนในภูมิภาคเอเชีย


นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารพัฒนาเอเชียประจำ ประเทศไทยหรือ เอดีบี บอกว่า ตลาดหุ้นจีนที่ลดลงต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าฟองสบู่ตลาดหุ้นจีนกำลังจะแตก แม้ว่ารัฐบาลจีนจะพยายามหามาตรการมาบรรเทาผลกระทบ แต่ยังไม่สามารถชะลอการปรับลดลงได้ ซึ่งสิ่งที่ต้องติดตามได้แก่ ผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจจีน รวมทั้งฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพราะหากเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบ ก็จะส่งผลต่ออาเซียนรวมทั้งไทย ที่เป็นคู่ค้าหลักของจีน

ด้านนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่อยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากไทยส่งออกไปจีนในสัดส่วนที่สูง ส่วนฟองสบู่ตลาดหุ้นจีนเชื่อว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก เนื่องจากกองทุนรวมของไทยไปลงทุนในจีนไม่มาก

ขณะที่นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ บอกว่า แม้ตลาดหลักทรัพย์จีนที่ปรับลดลงจะส่งผลต่อความเชื่อมั่น (Sentiment) ของนักลงทุนอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมผลกระทบต่อตลาดเงินโลกยังมีไม่มากนัก

ส่วนผลต่อการลงทุนของนักลงทุนไทยในประเทศจีนมีไม่มากเช่นกัน เพราะนักลงทุนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ลงทุนในตลาดหุ้นจีนโดยตรง แต่จะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศหรือ FIF ซึ่งส่วนใหญ่จะลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับเครดิตในระดับสูงที่ A+ หรือ A

ดังนั้นโดยรวมการปรับลดลงของตลาดหลักทรัพย์จีน จึงประเมินว่า น่าจะมีผลกระทบต่อฐานะการลงทุนของไทยค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ดี แบงก์ชาติยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

โดยเช้าวันนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดปรับตัวลง 74.74 จุด หรือ 2.13% แตะที่ 3,432.45 จุดในวันนี้ หลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ประกาศห้ามไม่ให้นักลงทุนที่ถือหุ้นเกิน 5% ทำการขายหุ้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวได้รวมถึงบรรดาผู้บริหารของบริษัทเอกชน

Back to top button