“แอพพลิแคด” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 80 ล้านหุ้น เทรด mai ระดมทุนซื้อเครื่องจักร-เงินหมุนเวียน
"แอพพลิแคด" หรือ APP ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 80 ล้านหุ้น เทรด mai ระดมทุนซื้อเครื่องจักร-เงินหมุดเวียน โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัท แอพพลิแคด จำกัด (มหาชน) หรือ APP ระบุว่า บริษัทยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 80,000,000 หุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
โดยบริษัทจะจัดสรรหุ้น IPO ดังกล่าว เพื่อเสนอต่อประชาชนจำนวน 72,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.71% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ขณะที่จะเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จำนวน 8,000,000 หุ้น คิดเป็น 2.86% ขณะที่วัตถุประสงค์ในการใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานและรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
สำหรับ APP ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายโซลูชั่นด้านการออกแบบ และเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติอย่างครบวงจร ตลอดจนการให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบอุตสาหกรรม (MEC) เช่น ซอฟต์แวร์ SolidWorks โดยกลุ่มบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายในไทย อินโดนีเซีย และเมียนมาจาก Dassault Systemes Solidworks Corporation (DSSW) ของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้น ยังมีซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง (AEC) โดยกลุ่มบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ GstarCAD ในไทยและอินโดนีเซียจาก Gstarsoft Co., Ltd. ประเทศจีน เป็นซอฟต์แวร์สำหรับเขียนแบบ 2 มิติ และได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ ArchiCAD ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบอาคาร 3 มิติ ในไทยและอินโดนีเซียจาก Graphisoft SE ประเทศฮังการี
ส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการออกแบบ 3 มิติ (ฮาร์ดแวร์) ได้แก่ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) และเครื่องสแกน 3 มิติ (3D Scanner) รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ยี่ห้อ Stratasys ในไทยและอินโดนีเซีย จาก Stratasys AP Limited ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องสแกน 3 มิติ (3D Scanner) ยี่ห้อ GOM ในไทยและอินโดนีเซีย จาก Gom GmbH.ประเทศเยอรมนี
กลุ่มบริษัทยังให้บริการฝึกอบรมการใช้งานซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ผ่านบริษัท ดีอีทีไอ จำกัด (DETI) และบริการผลิตชิ้นงานต้นแบบ (Prototype) ด้วยเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ และการผลิตแบบ Low Volume Production ผ่านบริษัท แรบบิท โปรโตไทป์ จำกัด (RP) ซึ่งปัจจุบันทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 99.99% รวมทั้งยังมีการขยายตลาดไปยังอินโดนีเซียผ่าน PT. Indonesia AppliCAD (APP Indo) บริษัทย่อยที่ถือหุ้น 67%
โดย ณ วันที่ 19 มี.ค.62 บริษัท มีทุนจดทะเบียนจำนวน 140 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 100 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทจะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วครบจำนวน แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 280 ล้านหุ้น
ด้านผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท อันดับ 1 คือ นายประภาส ตั้งอดุลย์รัตน์ ถือหุ้น 159,995,556 หุ้น คิดเป็น 80% ของทุนจดทะเบียน ภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นเหลือ 57.14% ส่วนที่เหลือ ได้แก่ นายประพฤทธิ์ ตั้งอดุลรัตน์ , นายชิษณุพงศ์ ตั้งอดุลรัตน์, นายประสิทธิ์ ตั้งอดุลรัตน์ และนางสาวศิริวรรณ ตั้งอดุลรัตน์ ถือหุ้นรายละ 10,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 5% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 3.57%
ส่วนผลประกอบการย้อนหลังในช่วงปี 59-61 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 548.39 ล้านบาท, 567.26 ล้านบาท และ 748.40 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโต 3.44%, 31.93% ตามลำดับ โดยรายได้หลักมาจากการขายซอฟต์แวร์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70-80% ของรายได้จากการขาย ขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 23.18 ล้านบาท, 30.14 ล้านบาท และ 79.05 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.23%, 5.31% และ 10.56% ตามลำดับ
สำหรับงวด 3 เดือนแรกปี 62 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 182.14 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 119.23 ล้านบาท รายได้จากการบริการ 59.82 ล้านบาทและรายได้อื่น 3.09 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 21.71 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 11.92%
โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.62 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 386.56 ล้านบาท หนี้สินรวม 264.00 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 122.56 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงิน เฉพาะกิจการในแต่ละปี ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย