“คิงเพาเวอร์” คว้า 3 งาน AOT ฟันเน้นๆ ขั้นต่ำ 2.35 หมื่นลบ. ดันอัพไซด์พุ่งทะลัก!
“คิงเพาเวอร์” คว้า 3 งาน AOT ฟันเน้นๆ ขั้นต่ำ 2.35 หมื่นลบ. ดันอัพไซด์พุ่งทะลัก!
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้มีมติอนุมัติผลการประมูลให้สิทธิเอกชนประกอบกิจการ จำนวน 3 โครงการ ดังนี้
1.โครงการให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล โดยได้รับสิทธิประกอบกิจการ มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.63-31 มี.ค.74 ซึ่ง ทอท.จะเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายเดือน 20% ของยอดรายได้จากการประกอบกิจการในรอบเดือนนั้น ๆ ก่อนหักค่าใช้จ่าย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือตามจำนวนเงินเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ปีแรกเป็นจำนวนเงิน 15,419 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเป็นอัตราค่าตอบแทนที่บริษัทเสนอ และ ทอท.จะปรับการเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปีเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป โดยใช้สูตรการคำนวณ MAG(i) (พิจารณาจากอัตราการเจริญเติบโตของผู้โดยสารประกอบกับอัตราเงินเฟ้อของปีปฏิทินก่อนหน้า)
2.โครงการให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่
บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล โดยได้รับสิทธิประกอบกิจการมีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.63-31 มี.ค.74 ซึ่ง ทอท.จะเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายเดือน 20% ของยอดรายได้จากการประกอบกิจการในรอบเดือนนั้น ๆ ก่อนหักค่าใชจ่าย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือตาม Minimum Guarantee ปีแรก เป็นจำนวนเงิน 2,331 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเป็นอัตราค่าตอบแทนที่บริษัทเสนอ และ ทอท.จะปรับการเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปีเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป โดยใช้สูตรการคำนวณ MAG(i)
3.โครงการให้สิทธิประกอบกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เป็นผูชนะการประมูล โดยได้รับสิทธิประกอบกิจการมีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.63 ถึงวันที่ 31 มี.ค.74 ซึ่ง ทอท. จะเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายเดือน 15% ของยอดรายได้จากการประกอบกิจการในรอบเดือนนั้น ๆ ก่อนหักค่าใชจ่าย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือ Minimum Guarantee ปีแรก เป็นจำนวนเงิน 5,798 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเป็นอัตราค่าตอบแทนที่บริษัทฯเสนอ และ ทอท.จะปรับการเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปีเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป โดยใช้สูตรการคำนวณ MAG (i)
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า AOT เปิดเผยผลตอบแทนจากการประมูล Duty Free/Retail รวม 3 สัญญา Minimum Guarantees ที่ระดับ 2.35 หมื่นล้านบาท สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 1.19 หมื่นล้านบาทมาก เบื้องต้นหนุนมูลค่าพื้นฐานจากเดิม 70 บาท เพิ่มราว 12-14 บาท สู่ 82-84 บาท และกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ”
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันของ AOT ปิดภาคเช้าที่ระดับ 68.75 บาท เทียบกับราคาเป้าหมายล่าสุดที่ระดับ 84 บาท คิดเป็นส่วนต่างราคาหุ้น 22%
นอกจากนี้ บล.ทรีนีตี้ ระบุเนื่องด้วยเกณฑ์การประมูลในครั้งนี้ ตัดสินจากคะแนนรวม โดยแบ่งการคำนวณเป็น แผนการดำเนินงาน 40% แผนธุรกิจ 25% ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ 15% และผลตอบแทน 20% รวมเป็น 100 คะแนน ทำให้ผู้ที่เสนอผลตอบแทนสูงที่สุดจะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนเพียง 20% เท่านั้น แสดงว่าผู้ที่ชนะประมูลในครั้งนี้ อาจจะไม่ได้เป็นผู้ที่เสนอผลตอบแทนให้กับ AOT สูงที่สุด อย่างที่ตลาดเคยคาดหวังไว้ ซึ่งอาจจะทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์ในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ จึงมองว่ามีโอกาสที่ AOT จะได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดไว้จากเดิมที่ 25% ของส่วนแบ่งรายได้ในกิจการดิวตี้ฟรี ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับการเติบโตของบริษัทในอนาคตและราคาเป้าหมายที่ตลาดให้ไว้ เรามองว่าโดยทุก 5% ของส่วนแบ่งรายได้ที่เปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าที่เหมาะสมของ AOT ราว 2.3 บาท ต่อหุ้น
พร้อมมองว่าในระยะสั้นอาจจะเกิด Negative downside จากการประกาศรายละเอียดของการประมูลในวันที่ 19 มิ.ย. นี้ ทั้งในด้านข้อเรียกร้องที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากองค์กรต่างๆ เรื่องความโปร่งใสและการผูกขาด รวมไปถึงผลตอบแทนที่อาจจะต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ที่ 25% เราจึงแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนใน AOT ในระยะสั้น จนกว่าจะมีความชัดเจนในวันที่ 19 มิ.ย. นี้
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” กับ AOT ที่ราคาเป้าหมาย 75 บาท จากการเติบโตของโครงการอื่นๆ ในอนาคต โดยเราจะมีการปรับประมาณการของราคาหุ้นที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับผลการประมูลอีกครั้ง หลังจากทราบรายละเอียดที่ชัดเจน