“โกลเบล็ก”มองกรีซยังไม่จบกดดันดัชนีหุ้นไทยต่อ-ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกำไร Q2/58 เด่น

"โกลเบล็ก"มองกรีซยังไม่จบกดดันดัชนีหุ้นไทยต่อ-ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกำไร Q2/58 เด่น


น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงให้ความสำคัญต่อปัญหาการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรของรัฐบาลกรีซต่อยูโรโซน 3,500 ล้านยูโรในวันที่ 20 ก.ค. ซึ่งในวันที่ 12 ก.ค. นี้จะมีการประชุมผู้นำยูโรกรุ๊ปเพื่อหารือปัญหาหนี้กรีซอีกครั้ง และหากกรีซไม่สามารถเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อขอเงินสนับสนุนรอบใหม่คาดว่ากรีซจะผิดนัดชำระหนี้เช่นเดียวกับหนี้ IMF 1,600 ยูโร และคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยกเลิกการจัดสรรวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือ Emergency Liquidity Assistance (ELA) แก่ภาคธนาคารของกรีซ

ปัจจัยภายขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้เหลือ 3% จากเดิม3.5% เนื่องจากตัวเลขส่งออกที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด โดยมีแนวโน้มหดตัว 2%ในปีนี้ ลดลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ว่ายังขยายตัวได้ หลังจากสรุปภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ค.58 พบว่าภาวะเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้านการบริโภคพบสัญญาณฟื้นตัว ภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการลงทุนภาครัฐเบิกจ่ายได้มากขึ้นและมีแนวโน้มเร่งขึ้น โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดเข้าสู่ภูมิภาคมากขึ้นในไตรมาส 3 เป็นต้นไป

ส่วนการ Preview ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2558 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มเป็นลบจากแรงกดดันการปล่อยสินเชื่อที่ชะลอตัวลง NIM ลดลง รวมถึง NPL ที่สูงขึ้นและการตั้งสำรองหนี้สูญสูงขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันทรุดตัวลงแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง ซึ่งจะกดดันตลาดหุ้นไทย

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด แนะนำกลยุทธ์จับตาประชุมผู้นำยูโรกรุ๊ปที่จะหากันเรื่องการแก้ปัญหาหนี้กรีซในวันที่ 12 ก.ค. เป็นปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม เนื่องจากมีความสำคัญต่อภาวะการลงทุนสูง ซึ่งหากกรีซและเจ้าหนี้สามารถบรรลุข้อตกลงได้จะเป็นแรงหนุนต่อดัชนี แต่หากไม่มีความคืบหน้าจะกดดันต่อทิศทางการลงทุน เพราะจะทำให้กรีซมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้แก่ ECB 3.5 พันล้านยูโรในวันที่ 20 ก.ค. นี้และออกจากยูโรโซนซึ่งอาจทำให้ ECB ยกเลิกการจัดสรรวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน (ELA) แก่ภาคธนาคารกรีซ และจะส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วน

ดังนั้นประเมินว่า SET มีแนวโน้มปรับตัวลงไปยังโซนแนวรับสำคัญ 1,460 – 1,470 จุด ก่อนจะเกิด Technical rebound จะภาวะ Oversold และหากการเจรจาปัญหากรีซเป็นบวกจะหนุนให้ดัชนีดีดตัวขึ้นไปทดสอบ 1,500 จุด

ทั้งนี้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนซื้อสะสมหุ้นที่มีปัจจัยบวกช่วงอ่อนตัวบริเวณ 1,460 – 1,470 จุด ได้แก่ กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2558 ออกมาดี เช่น PTTGC, TOP, PTT, TPIPL ,THCOM ,STPI, FSMART, MTLS, AAV , KCE และ SYNEX กลุ่มสื่อสาร แนะนำ ADVANC , INTUCH จากที่มีข่าวคืบหน้าในการเปิดประมูล 4G และเป็นหุ้นปันผลครึ่งปีดีเด่น รวมถึงหุ้นกลุ่มเดินเรือ เช่น TTA , PSL ซึ่งรับอานิสงส์จากดัชนีค่าระวางเรือดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน ส่วน SOLAR , AKR มองว่าเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากที่คาดว่าสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรขนาด 800 เมกะวัตต์

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ประธานสภายุโรปออกมาเผยว่าจะให้เวลากรีซจนถึงวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.นี้ เพื่อให้กลุ่มผู้นำยูโรกรุ๊ปทั้ง 28 ประเทศพิจารณาข้อเสนอของกรีซเพื่อบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้เพื่อเลี่ยงภาวะล้มละลาย โดยกำหนดเส้นตายให้กับรัฐบาลกรีซในการเสนอรายละเอียดแผนการปฏิรูปภายในวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ค.นี้เป็นอย่างช้าที่สุด จึงควรจับตาดูผลการประชุมดังกล่าวเนื่องจากจะเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ

ดังนั้นประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคราคาปรับลงตามแรงกดดันแนวต้านสัญญาณ DEAD CROSS และลงมาต่ำกว่าฐานแนวรับ DOUBLE BOTTOM ด้วยการสร้างแท่งเทียน BEARISH เป็นสัญญาณลบที่สอดคล้องกันเพิ่มความแข็งแกร่งของแนวลง ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI ปรับลงเป็นแรงกดดันเสริม ทำให้ราคาทองมีแนวโน้มปรับลงต่อเข้าหาฐานแนวรับการจบรูปแบบลงหัวและไหล่ขาลงที่ 1,140 เหรียญต่อทรอยออนซ์

อย่างไรก็ตามราคาเริ่มมีภาวะ OVER SOLD และลงมาใกล้จบแนวลงตามรูปแบบที่ 1,140 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ปรับตัวไม่ต่ำกว่าจะทำให้ราคามีโอกาสสร้างฐานแนวรับและเกิดจุดกลับตัวทางเทคนิค ให้แนวรับ 1,140-1,130 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,170 – 1,180 เหรียญต่อทรอยออนซ์

Back to top button