WICE วิ่งฉิว4วันติด ดีดต่อ7% คลายกังวลสงครามการค้า ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 25% แตะ 2 พันลบ.
WICE วิ่งฉิว4วันติด ดีดต่อ7% คลายกังวลสงครามการค้า ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 25% แตะ 2 พันลบ. โดย ณ เวลา 15.24 น. ราคาอยู่ที่ 3.60 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 7.14% สูงสุดที่ 3.64 บาท ต่ำสุดที่ 3.54 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 46.57 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ล่าสุด ณ เวลา 15.24 น. อยู่ที่ 3.60 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 7.14% สูงสุดที่ 3.64 บาท ต่ำสุดที่ 3.54 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 46.57 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่ 4 นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.24 บาท เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.62
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.ค.62) แนะนำ “ซื้อ” WICE ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท/หุ้น โดย WICE ได้รับประโยชน์สูงมาก กับการผ่อนคลายของสงครามการค้า เพราะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งได้รับแรงกดดันสูงต่อเหตุการณ์นี้ มีบทบาทถึง 40% ของรายได้รวม และเป็นตัวฉุดกำไรให้อ่อนแอมากในไตรมาส 1/62
อีกทั้ง WICE มีบริษัทย่อยถึง 3 แห่ง (ในจีน 2 แห่ง) ที่ให้บริการบนเส้นทางจีน-อาเซียน ดังนั้นการที่ห่วงโซ่อุปทานที่มีจีนเป็นแกนหลักกลับมาทำงาน ย่อมทำให้จิ๊กซอว์ที่วางไว้ของกลุ่มในทุกรูปแบบขนส่ง sea-air-cross boarder กลับมาทำงานสอดประสานเต็มที่
พร้อมทั้ง แนวโน้มกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ผลลัพธ์จากประชุม G20 ถือว่าดีกว่าผผู้บริหารหวังไว้ และผู้บริหารยังคงเป้าหมายปี 2562 ตามเดิม ซึ่งเสมือนว่ากำไรสุทธิจะสูงคาดของบล.เมย์แบงก์ฯได้ถึง 19% แต่เพื่อความอนุรักษ์นิยม คงประมาณการ และ ราคาเหมาะสม 4.20 บาท/ หุ้น อิง P/E 24.6 ตามเดิม ซึ่งด้วย upside ที่เปิด 25% จึงน้ำหนักเป็น “ซื้อ”
ทั้งนี้ สงครามการค้าไม่บานปลาย กองทัพ WICE ก็พร้อมเริงร่า โดยเงื่อนไขสำคัญที่สหรัฐอนุญาตให้บริษัทต่างๆกลับมาค้าขายกับ Huawei ได้นั้น มองว่าทำให้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์กลับมาเดินหน้าอีกครั้ง ซึ่งต้องไม่ลืมว่ากลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้น เป็นลูกค้าหลักของ WICE กว่า 40% ของรายได้รวม นอกจากนั้นด้วยแผนธุรกิจที่มุ่งเน้นเปิดเครือข่ายระหว่างอาเซียนกับจีน ทำให้บริษัทลูกทั้ง 3 ได้แก่ WICE HK (เดิมชื่อ UWT มีฐานในจีน-ฮ่องกง) และ ETL (เริ่มดำเนินการปลายปี 2561 ทำขนส่งทางบก cross boarder ระหว่างอาเซียน-จีน) รวมถึง WICE SG (เดิมชื่อ SEL ทำขนส่งทางอากาศสิงคโปร์-จีน) เราจึงเชื่อว่าเครือข่ายเหล่านี้ จะกลับมาทำธุรกิจได้ตามปกติอีกครั้ง
ขณะที่ผลการดำเนินผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ผู้บริหารยืนเป้าไกลกว่า WICE เริ่มต้นปี 2562 แย่กว่าเพื่อน เนื่องจากการเป็น Low season ที่แย่กว่าทุกปี เพราะอยู่ในช่วงสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ทำให้การขนส่งทางอากาศ Air freight (สัดส่วนสูงสุด 47% ของรายได้รวมปี 2561) และส่วนใหญ่เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จึงมีรายได้ที่หดตัวแรงถึง 27% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และกดให้กำไรสุทธิไตรมาส 1/62 หดตัวถึง 38% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
อย่างไรก็ดีล่าสุด ผู้บริหารเชื่อว่าหากสหรัฐฯไม่มีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมไปกว่านี้ เป้ารายได้เติบโต 25% หรือราว 2.2 พัน ลบ. (vs มากกว่าบล.เมย์แบงก์ฯ 8%) ยังเป็นไปได้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ปรับตัวกับเหตุการณ์นี้ไปแล้ว ส่วนบริษัทลูกใหม่ ETL ก็เจาะตลาด Cross boarder ได้เร็วมาก ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดเที่ยวไปกลับให้สอดคล้องกันเพื่อดัน NPM จากราว 5% ไปสู่ 15% ตามแผน อีกทั้งการย้ายฐานการผลิตของโรงงานจีนมายังอาเซียนยังสนับสนุนให้อุปสงค์ยังหนาแน่น นอกจากนี้บริษัทยังคงยืนเป้าอัตรากำไรสุทธิรวม NPM 6.0% ไว้ตามเดิม ซึ่งดีกว่าบล.เมย์แบงก์ฯ 60bps