จ่อทูลเกล้าฯ ครม.! “ตู่” วอนอย่าลึกซึ้ง ปม “สารนายกฯ”-ยันไม่เคยอยากปฏิวัติ
จ่อทูลเกล้าฯ ครม.! “ตู่” วอนอย่าลึกซึ้ง ปม “สารนายกฯ”-ยันไม่เคยอยากปฏิวัติ
วันนี้(2ก.ค.62) เมื่อเวลา 13.10 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า วันนี้มีการประชุมคสช. มีการสรุปทบทวนแผนงานการปฏิบัติและการดำเนินการในระยะต่อไปเมื่อไม่มีคสช. จะทำอะไรอย่างไร ถือเป็นการทบทวนการปฏิบัติงานและดำเนินงานในเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อยุติ เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปเพื่อดำเนินการตามกลไกปกติ
ทั้งนี้ คสช.จะหมดหน้าที่ลงในวันที่ครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน คือประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นไปตามไทม์ไลน์ทุกประการ “ผมไม่ได้พูดมาหลายวัน แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกอย่างเดินหน้าไปแล้วทั้งหมด”
โดยผู้สื่อข่าวได้ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ อธิบายหมายในสารนายกรัฐมนตรีที่ออกมาเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่า ไม่อยากใช้วิธีการแก้ปัญหาเดิมๆ ซึ่งมีการตีความว่าอาจมีการรัฐประหารขึ้นมาอีก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ตีความลึกซึ้งไปถึงขนาดนั้น ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าปัญหาของเราเริ่มมาจากอะไร พอมีปัญหาเกิดขึ้นมา ในทางการเมืองก็เดินขบวน มีการขยายความรุนแรงกันมากขึ้น ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายกันมากขึ้น ทุกคนก็ไม่มีความสุข คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็เดือดร้อนไปด้วย ตนพูดเพียงแค่นั้น เพื่อไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอีก
“ในเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร หรือการปฏิวัติซ้อน ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แท้กระทั่งผมเองที่ทำมา ผมก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ในวันนั้น ผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เราจึงควรกลับมาแก้ปัญหาที่ถูกวิธีจะดีกว่า 5 ปีที่ผ่านมาก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน หลายอย่างก็ดี บางอย่างยังไม่เรียบร้อย แต่เราหยุดแค่นี้ไม่ได้ ไหนๆ ก็ทำมาถึงวันนี้แล้ว ทุกคนก็ต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ต้องช่วยกัน เราต้องปฏิรูปทุกอย่างให้ไปด้วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า เกิดจากปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) มีความเห็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากถามว่าช้าอย่างไร ตนไม่เข้าใจ ถ้านับตามกรอบเวลาที่ผ่านมา ยังอยู่ภายในกรอบเวลาการดำเนินการตามกรอบกฎหมาย 90-150 วัน ที่ผ่านมา เรามีงานพระราชพิธี วันนี้จึงยังไม่ได้มีการผิดเพี้ยนจากรอบเวลาเดิมเลย ซึ่งมีการตั้งไว้ในเดือนกรกฎาคม ขอร้องว่าอย่าไปบิดเบือนอะไรกัน และขอให้เข้าใจด้วยว่า เราต้องแก้ปัญหาของเราให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาความขัดแย้งในพรรคพปชร. จะส่งผลกระทบต่อการตั้งครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ความขัดแย้งเกิดขึ้นกับทุกพรรคการเมือง เพียงแต่จะแสดงออกกันมาอย่างไร วันนี้ตนทราบว่ามีความก้าวหน้า ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ทางพรรคมีการแถลงออกมาแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกคน อย่าโกรธแค้นเคืองอะไรกันไป และขอร้องประชาชนอย่าคล้อยตามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อมั่นว่าคนไทยทุกคนมีความเข้าใจ และนักการเมืองเองก็ต้องเข้าใจ และถือว่าสิ่งที่เราทำให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยถือว่าเราได้เริ่มการปฏิรูปกันแล้ว ทุกอย่างจะเดินหน้าไปตามกลไกและกติกา
“สำหรับผมเองก็เป็นธรรมดา รู้สึกไม่สบายใจบ้าง และได้พูดไปแล้ว แต่เมื่อวันนี้ทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็สบายใจ ขั้นตอนต่างๆ ก็ไม่ได้ติดชะงักตรงไหนแล้ว ขั้นตอนตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งด้านเอกสารและจากหน่วยงานภายนอก ท้ายสุด เมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้นก็จะมีการรับรอง และให้เวลาแก้ไขปัญหาของตัวเองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหุ้น หรืออะไรต่างๆ ก็ต้องให้เวลาดำเนินการ เมื่อแล้วเสร็จก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายขึ้นไป เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากนั้นจะขอพระราชทานวันเวลา เพื่อเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ซึ่งคิดว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่ต้องกังวลอะไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาภายในของพรรคพปชร.นั้น ต้องถือว่าเป็นพรรคการเมืองใหม่ ถึงแม้จะมีคนเก่าๆอยู่หลายคน แต่การที่มีคนเดิมๆจากหลายพรรคมารวมกัน เพื่อขับเคลื่อนงานไปด้วยกันก็ย่อมมีปัญหาความขัดแย้งอยู่บ้าง และบังเอิญว่าสื่อให้ความสนใจ จึงกลายเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ แต่เชื่อว่าเดี๋ยวก็จบ เพราะฉะนั้นก็จบได้แล้ว ทั้งหมดถือเป็นเรื่องภายในของพรรคพปชร. และในฐานะที่ตนเป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อ เลือกให้เป็นนายกฯ ก็ได้ให้แนวทางไปแล้วว่า ต้องหากฎระเบียบต่างๆภายในพรรคเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยว่าอนาคตจะทำอย่างไรกันต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเดิมๆ ขึ้นมาอีก ขณะนี้อยู่ระหว่างช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน อะไรที่เปลี่ยนแปลงบางครั้งก็มีปัญหา แต่วันนี้เข้าใจตรงกันแล้วก็จบ
“ผมก็ลืมไปแล้ว ประชาชนก็ต้องให้ความเชื่อมั่นต่อไป ผมเองก็หวังให้พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อชาติและประชาชนต่อไปในอนาคต เราจะเดินหน้าต่อไป ทั้งด้วยกลไกทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญกฎหมาย และระเบียบของพรรค เพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นในการทำงาน เพื่อไม่ให้มีปัญหาต่อไปในอนาคต ก็หวังว่าจะร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากบริหารประเทศมา 5 ปี วันนี้มาเจอกับนักการเมืองที่มาจากหลายขั้ว รู้สึกปวดหัวหรือเครียดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างมันก็ต้องปวดหัว ทำงานไม่ปวดหัวเขาเรียกว่าทำงานเหรอ ตนใช้หัวสมองในการบริหาร ในการทำงานและทำความเข้าใจหาความร่วมมือ
พร้อมทำความเข้าใจกับสังคมให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และวันนี้ต้องขอบคุณที่ทุกคนสนับสนุนตนมากพอสมควร ฉะนั้น ขอให้เชื่อมั่นด้วยกลไกประชาธิปไตย ตนจะทำงานให้สำเร็จ ซึ่งคำว่าสำเร็จของตนคือการบริหาราชการด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย สร้างหลักคิดใหม่ๆ ให้กับประชาชน ว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองดีขึ้นไปกว่าเดิม เพราะตนคงไม่อยู่กับพวกท่านตลอดไป
วันข้างหน้าก็มีคนนู้นคนนี่เข้ามาทดแทน มีคนรุ่นใหม่เข้ามา แต่เราต้องเตรียมคนรุ่นใหม่ให้พร้อมรับสถานการณ์เหล่านั้น ด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ บุคลากรส่วนราชการต่างๆ และการปฏิรูปต่างๆ มากมาย จึงต้องเรียกว่าการปฏิรูป ถ้าจะสั่งไปวันๆ ก็สั่งตามกฎหมายเดิม ระเบียบเดิม ถ้าไม่ปฏิรูปกฎหมายกฎกติกาต่างๆ ก็ไม่ใช่การปฏิรูป มันก็จะทำไม่ได้ ดังนั้น วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่ง ม.44 หรืออะไรก็ตาม ก็เพื่อให้เกิดการปฏิรูป ในส่วนที่ติดปัญหาเดิม เพราะกฎหมายยังไม่มี ไม่พร้อม ยังออกไม่ได้ หลายอย่างจึงต้องปลดล็อก วันหน้าหากจะแก้ไขอะไรก็แก้ไขตามกระบวนการของสภา อย่ามาเอาย้อนกลับไปกลับมา อย่างที่พูดกันในวันนี้ ตนหวังดีกับทุกคน
เมื่อถามว่า ครม.ยังไม่ทันตั้งเสร็จแต่ในพรรคพลังประชารัฐมีความขัดแย้งกันมากจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลในวันข้างหน้าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “การตั้งครม.ในส่วนของผมเสร็จแล้ว และในพรรคพลังประชารัฐก็จบแล้ว เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อเสียงปริ่มน้ำ ไม่มี”
เมื่อถามว่า วางกฎระเบียบในพรรคอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูในวันหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป กลุ่มต่างๆ พวกนี้จะมีหรือเปล่า มันควรจะเป็นพรรคมั้ง และเป็นมติของพรรค.