JAS พุ่ง 4% รับแผนขายสินทรัพย์เข้า“JASIF”คืบ! จับตากำไรปีนี้โตเท่าตัว-จ่ายปันผลยีลด์13.7%

JAS พุ่ง 4% หลังแผนขายสินทรัพย์เข้า “JASIF” คืบ! จับตากำไรปีนี้โตเท่าตัว-จ่ายปันผลยีลด์ 13.7%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ล่าสุด ณ เวลา 10.17 น. อยู่ที่ 7.60 บาท ปรับตัวขึ้น 0.30 บาท หรือ 4.11% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 449.24 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 5.86 จุด

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” JAS  กำหนดราคาพื้นฐาน 9.78 บาท/หุ้น หลังความคืบหน้าของ JAS ในการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เฟส 2 ครั้งที่ 1 ซึ่งจากข้อมูลทางด้าน JASIF คาดว่าจะมีการซื้อสินทรัพย์เสร็จภายในปี 2562 และเริ่มรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2563 แสดงว่า JAS จะต้องมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติขายสินทรัพย์และมีการอนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นตามมา

โดยหลังจากนั้นจะใช้เวลาในการยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้แล้วเสร็จทันประมาณปลายไตรมาส 4/2562 จึงคาดว่า JAS ขายสินทรัพย์เข้า JASIF จะเกิดขึ้นได้ประมาณปลายปี 2562 โดยราคาขายเฟส 2 ครั้งที่ 1 คาดว่าจะอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท สำหรับสินทรัพย์เป็นไฟเบอร์ ออปติกจำนวน 650,000 คอร์กิโลเมตร หากอ้างอิงอัตรากำไรที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์เฟส 1 คาดว่ากำไรก่อนภาษีในการขายเฟส 2 ครั้งที่ 1 อยู่ที่ 11,600 ล้านบาท และกำไรหลังภาษีอยู่ที่ 9,200 ล้านบาท

ดังนั้นส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2562 ของ JAS สูงไปถึง 11,400 ล้านบาท เติบโต 104% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,912.59  ล้านบาท และด้วยอัตราการจ่ายปันผลที่ 80% จึงคาดว่าเงินปันผลต่อหุ้นปี 2562 จะสูงเป็น 1 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลสูงถึง 13.7% คาดว่าจะเป็นลำดับต้น ๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ทั้งนี้มีสมมติฐานอัตราการจ่ายปันผลที่ใช้ถือว่าอนุรักษนิยม เนื่องจาก 2 ปีก่อน จ่ายในอัตรามากกว่า 100%

ทั้งนี้ JAS ยังสามารถทำกำไรพิเศษจากการขาย JASIF ได้มากในอนาคต ปัจจุบัน JAS ยังถือ JASIF ในสัดส่วนสูงกว่าขั้นต่ำ โดย JASIF เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2558 ตามข้อกำหนดภายใน 3 ปี คือ ปี 2561 สามารถขายลงมาได้ถึงระดับต่ำสุดที่ 19% แต่ JAS ได้ขายลงมาเหลือ 23.5% จาก 33.3% ทำให้มีการบันทึกกำไรมากถึง 3,700 ล้านบาท ในงวดไตรมาส 2/2561

ขณะที่ประเมินว่า หากในอนาคต JAS ขาย JASIF ลงมาจนถึง 19% จะบันทึกกำไรได้อีก 1,700 ล้านบาท และเมื่อถึงปี 2564 JAS จะขาย JASIF ได้ทั้งหมด รวมส่วนที่ลดจาก 23.5% เป็น 19% ด้วย คาดว่าจะได้รับกำไรประมาณ 8,700 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหาก JAS ทำเช่นนั้นจะได้รับผลลบ คือ รับรู้กำไรตามส่วนได้เสีย และเงินปันผลรับจาก JASIF น้อยลง

นอกจากนี้ คาดว่า JAS จะยังมีการขายสินทรัพย์เข้า JASIF เฟส 2 ครั้งที่ 2 ในอนาคต หากกำหนดให้การขายสินทรัพย์ทั้งหมดในเฟส 2 เท่ากับ เฟส 1 ที่ 980,000 คอร์กิโลเมตร สำหรับการขายเฟส 2 ครั้งที่ 1 คือ 650,000 คอร์กิโลเมตร จะยังเหลืออีก 330,000 คอร์กิโลเมตร มีโอกาสจะบันทึกกำไรในอนาคตได้อีก การที่ต้องทยอยแบ่งเป็นครั้ง ๆ คาดว่าเป็นเพราะ JAS ต้องประเมินถึงค่าใช้จ่ายในการกลับไปเช่าโครงข่ายจาก JASIF เพื่อทำธุรกิจด้วย

ขณะเดียวกันคาดว่ากำไรหลักของ JAS ในปี 2562 เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน เป็น 2,200 ล้านบาท ปกติบริษัทจะมีกำไรหลักไม่รวมรายการพิเศษไตรมาสละประมาณ 500 ล้านบาท แม้รับรู้กำไรตามส่วนได้เสียจาก JASIF ได้ต่ำลง หลังจากมีการขายหุ้นออกไปบางส่วน แต่การที่รายได้ยังเติบโต 3% จากปีก่อน และดอกเบี้ยจ่ายต่ำลงจากการคืนหนี้ ทำให้กำไรหลักยังเติบโตได้ ขณะที่อัตราการเติบโตของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจาก 3BB ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4-5% ล่าสุดในไตรมาส 1/2562 มาอยู่ที่ 3 ล้านราย และลูกค้า FTTX มีสัดส่วนที่ทยอยสูงขึ้นเป็น 41%

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบของ JAS ที่มีอยู่ คือ 1.หากขายสินทรัพย์เข้า JASIF ไม่ทันปี 2562 การจ่ายปันผลพิเศษอาจต้องเลื่อนไปปี 2563 แทน 2.หากอัตรากำไรจากการขายสินทรัพย์ครั้งนี้ได้รับน้อยกว่าครั้งแรกที่ IPO 3.แนวโน้มกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/2562 จะลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิสูงมากถึง 3,600 ล้านบาท ซึ่งมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น JASIF จำนวนมาก แต่ไตรมาส 2/2562 JAS มีโอกาสจะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ผลพวงจากเงินบาทที่แข็งค่ามาก คาดว่าเป็น 280 ล้านบาท ขณะที่กำไรหลักคาดว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่มาก และ 4.ในบางไตรมาสมีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากประมาณการหนี้สินจากการกลับคำพิพากษาของศาลฎีกา ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 มียอดเหลือเป็น 805 ล้านบาท

ดังนั้น จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ 9.78 บาท/หุ้น เนื่องจากคาดว่าปี 2562 บริษัทจะจ่ายปันผลสูงลำดับต้น ๆ ใน SET ทั้งนี้ประเมินธุรกิจหลักด้วย Forward P/E ปี 2562 ที่ 6.0 เท่า และมูลค่าเงินลงทุน JASIF ที่ราคาพื้นฐาน 11.50 บาท ทั้งนี้ที่ราคาพื้นฐาน ยังคิดอัตราผลตอบแทนปันผลปี 2562 ที่ยังสูงเป็น 10.3%

ด้านความเสี่ยง คือ ราคาขายและอัตรากำไรของสินทรัพย์ที่จำหน่ายให้ JASIF น้อยกว่าคาด รวมทั้งการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จากการรุกตลาดมากขึ้นของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT

นอกจากนี้ มีการเก็งกำไร JAS-W3 เพราะอยู่ในภาวะที่มีกำไร แม้การถือวอร์แรนต์จะไม่ได้รับเงินปันผล แต่ด้วยเงื่อนไขที่ราคาใช้สิทธิเพียง 3.605 บาท ถือว่าอยู่ในภาวะที่มีกำไร (In the Money) ส่วนอัตราการใช้สิทธิเป็น 1 : 1.192 หุ้น หมดอายุ 5 ก.ค. 2563 จากราคาปิดมูลค่าทางทฤษฎีเป็น 4.40 บาท และมูลค่าทาง Black-Scholes เป็น 4.42 บาท ดังนั้นในช่วงการเก็งกำไรเงินปันผลพิเศษ ทำให้ราคาหุ้นตัวแม่ปรับตัวขึ้น วอร์แรนต์ก็มีราคาที่ปรับขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามมีการทยอยใช้สิทธิแปลงวอร์แรนต์มาเป็นหุ้นสามัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้สิทธิในการรับเงินปันผล

Back to top button