CHAYO แรลลี่ยาว! บวกอีก 5% สูงสุดในรอบ 8 เดือน ลุ้นกำไร Q2/62 ทำนิวไฮแนะซื้อเป้า 6.06 บ.

CHAYO แรลลี่ยาว! บวกอีก 5% สูงสุดในรอบ 8 เดือน ลุ้นกำไร Q2/62 ทำนิวไฮแนะซื้อเป้า 6.06 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ณ เวลา 11.44 น. อยู่ที่ระดับ 5.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 5% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 89.89 ล้านบาท ราคาหุ้นวิ่งแรงในรอบ 8 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นขึ้นไปทดสอบระดับ 5.25 บาท เมื่อวันที่ 18 ต.ค.61

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า  CHAYO แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.06 บาท/หุ้น คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เท่ากับ 32 ล้านบาท สามารถขึ้นทำ new high ได้ในรายไตรมาส เติบโตถึง 15.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 31.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจรับซื้อหนี้มาบริหาร (80% ของรายได้รวม) โดยในงวดนี้ บริษัทฯ สามารถขายหลักประกันประเภทบ้านและที่ดิน เป็นมูลค่ารวม  24 ล้านบาท (หลังหักต้นทุน) ซึ่งเป็นหนี้พร้อมหลักประกันที่ซื้อเข้ามาบริหารตั้งแต่ช่วงปี 2560-61

ขณะที่คาดรายได้จากธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ (20% ของรายได้รวม) เติบโตต่อเนื่องเช่นกันสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ลูกค้าสถาบันการเงินและ non-bank (ธ.พ.และบริษัทในกลุ่มสื่อสาร) ใช้บริการติดตามหนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารค่อนข้างทรงตัวจากงวดไตรมาส 1/62 จากการเน้นเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานแทนการเพิ่มจำนวนพนักงาน โดยการที่คาดการณ์รายได้เติบโตในอัตราเร่งตัวกว่าด้วย หนุนให้คาดการณ์สัดส่วน cost to income ratio ลดลงเหลือ 16.0% จาก 18.0% ในงวดไตรมาส1/62

อย่างไรก็ตาม ด้วยสมมติฐานระมัดระวัง จึงคาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สงสัยจะสูญในงวดไตรมาส 2/62 ราว 4 ล้านบาท (อ้างอิงจากข้อมูลย้อนหลังปี 2561 จะเห็นว่าบริษัทฯ มีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทุกครึ่งปีในงวดไตรมาส 2/61 เท่ากับ 4.80 ล้านบาท และไตรมาส 4/61 เท่ากับ 4.50 ล้านบาท)

สถานการณ์รับซื้อหนี้ในไตรมาส 2/62 เป็นเชิงรุกขึ้นเท่ากับ 1.34 พันล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/62 ที่มีมูลค่าต่ำมากเพียง 200 ล้านบาท โดยรวมแล้วทำให้มูลหนี้รับซื้อในงวด 1H62 เพิ่มขึ้นเป็น 1.54 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้มีหลักประกัน ด้วยมูลค่าเงินลงทุน (ต้นทุน) รวม 200 ล้านบาท  คิดเป็น 20% จากเป้าหมายการซื้อหนี้ทั้งปี 2562 ของบริษัทฯ ที่กำหนดไว้ 1 พันล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังให้ความเชื่อมั่นว่าจะสามารถรับซื้อหนี้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นปกติที่จะเห็นสถาบันการเงินขายหนี้เสียออกมามากในช่วงปลายปี

โดยเฉพาะปี 2562 ยิ่งจะเห็นได้ชัดเจนเนื่องจากการที่มาตรฐานบัญชี lFRS 9 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2563 จะยิ่งกดดันให้สถาบันการเงินต้องเร่งระบาย NPL ออกมามากขึ้น ด้านธุรกิจสินเชื่อคาดยังไม่เห็นการเติบโตในงวด ไตรมาส 2/62 โดยกลยุทธ์ธุรกิจยังเน้นการใช้กระแสเงินสดที่มีอยู่ในการซื้อหนี้เข้ามาเพิ่มเติมมากกว่า

อย่างไรก็ตาม คาดการเติบโตของสินเชื่อจะเป็นไปในเชิงรุกขึ้นในงวด2H62 เน้นไปที่กลุ่มลูกจ้างในโรงงานที่เป็นพันธมิตรของบริษัทฯ ภายใต้เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อทั้ง ปี 2562 เท่ากับ 200 ล้านบาท และแผนจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมจากการออกหุ้นกู้รวม 800 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัยมีแผนปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2562-63 ภายหลังประกาศผลการดำเนินงานงวด 1H62 ขับเคลื่อนด้วยรายได้จากการขายหลักประกันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและสูงกว่าคาด จากโอกาสในการขายหลักประกันที่ดินแปลงใหญ่มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท (รับรู้รายได้หลังหักหลักประกันราว 50% ของมูลค่าดังกล่าว) ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อขาย

หุ้น Small cap ที่เป็น Growth stock ในอุตสาหกรรมจัดเก็บหนี้ที่ยังเอื้ออำนวย แนะนำซื้อ ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2562 เท่ากับ 6.06 บาท อิงจากค่าเฉลี่ยย้อนหลังของ PBV ที่ 3.2 เท่า บวกด้วย 1SD เทียบเท่า PBV เท่ากับ 3.7 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันยังให้ผลตอบแทนรวมปันผลที่จูงใจ

Back to top button