เปิดไทม์ไลน์ประกาศงบกลุ่มธนาคาร TISCO ประเดิมรายแรกวันนี้!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปลายสัปดาห์นี้ไปจนถึงกลางเดือนก.ค.นี้ บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 ออกมา โดย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO จะประกาศผลการดำเนินงานออกมาในวันนี้ (11 ก.ค.)

ขณะที่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ,ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ,ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL จะประกาศผลการดำเนินงานในวันที่ 18 ก.ค.นี้

สำหรับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ,ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB, ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ,บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC จะประกาศผลการดำเนินงานในวันที่ 19 ก.ค.นี้

ขณะที่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB จะประกาศผลการดำเนินงานในวันที่ 22 ก.ค.นี้ และบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC จะประกาศผลการดำเนินงานในวันที่ 7 ส.ค.นี้

 

โดยก่อนหน้านี้ โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปลายสัปดาห์นี้ เริ่มเข้าสู่การรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2/62 โดยเริ่มต้นที่กลุ่มธนาคารฯ ภาพรวมคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เท่ากับ 5.17 หมื่นล้านบาท หดตัว 7.1% จากไตรมาสก่อน และ 3.2% จากปีก่อน เนื่องจากในงวด ไตรมาส 1/62 มีบันทึกรายได้พิเศษ หากไม่รวมผลกระทบจากรายการดังกล่าว คาดกำไรสุทธิของกลุ่มฯ เติบโตเพิ่มขึ้น 5.8% จากไตรมาสก่อน หนุนหลักจากการเติบโตของสินเชื่อรายใหญ่ ในกลุ่ม ธ.พ.ใหญ่ (SCB, KTB, KBANK, BBL)

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL/Total Loan ณ สิ้น ไตรมาส 2/62 คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ 3.20% จาก 3.19% ณ สิ้นงวด ไตรมาส 1/62 ซึ่งยังไม่น่ากังวล เนื่องจากเป็นช่วงต้นปี และเป็นปกติที่ ธ.พ. จะยังไม่ขายเร่งขาย NPL หรือตัดหนี้สูญออกจากบัญชีเช่นในช่วงปลายปี

โดย คาด SCB, TMB, KKP เติบโตเด่นสุดเมื่อเทียบกับงวด ไตรมาส 1/62 จากภาพรวมธุรกิจหลักที่เติบโตต่อเนื่อง บวกกับได้การมีบันทึกค่าใช้จ่ายเกษียณอายุพนักงานไปในงวดไตรมาส 1/62 แล้ว

สำหรับภาพรวม คาดกำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.07 แสนล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 1.5% จากงวดครึ่งปีแรกของปี 61  (คิดเป็นสัดส่วน 51% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2562 ที่ประเมินไว้) สำหรับช่วงครึ่งปีหลังของปี 62คาดยังเติบโตต่อเนื่อง ตามแนวโน้มสินเชื่อที่จะเร่งตัวขึ้นตามโครงการลงทุนภาครัฐ ทำให้ทั้งปี 2562 กำไรสุทธิกลุ่มฯ อยู่ที่ 2.11 แสนล้านบาท เติบโต 4.0% จากปีก่อน

 

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มฯ เท่าตลาด Top picks เลือกหุ้น ธ.พ.ใหญ่ ที่จะได้รับผลบวกจากโครงการลงทุนพื้นฐานของประเทศ พร้อมคาดหวังปันผลเฉลี่ย 4-5% p.a. และราคาหุ้นยัง laggard ตลาดฯ มาก ได้แก่ BBL(FV@B227) และ KBANK (FV@B246) รวมถึง KKP (FV@B 75.60) ซึ่งให้ Dividend Yield สูงและจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล