PSH คาดยอดขายกลุ่มพรีเมียมโตทะลุเป้า 7.5 พันลบ. โชว์แบ็กล็อก 1.9 หมื่นลบ.รับรู้ถึงปี 63

PSH คาดยอดขายกลุ่มพรีเมียมโตทะลุเป้า 7.5 พันลบ. โชว์แบ็กล็อก 1.9 หมื่นลบ.รับรู้ถึงปี 63


นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ในกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ายอดขายของกลุ่มพรีเมียมจะทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หลังจากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 5 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 7.5 พันล้านบาท เป็นผลจากการขายโครงการในสต็อก และเปิดโครงการ CHAPTER จุฬาฯ-สามย่าน มูลค่า 1.35 พันล้านบาท ซึ่งทำยอดขายไปได้แล้ว 90%

ขณะที่ในช่วงเดือน ก.ค.และต้นเดือน ส.ค.นี้ บริษัทจะเปิดขายโครงการ CHAPTER เจริญนคร-ริเวอร์ไซด์ มูลค่า 4.72 พันล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 150,000-200,000 บาท/ตารางเมตร หรือเริ่ม 3.29-34 ล้านบาท/ยูนิต เป็นคอนโดมิเนียมติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านเจริญนคร เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบใช้ชีวิตในเมือง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการที่พักอาศัยติดริมแม่น้ำ ปัจจุบันเปิดขายรอบพิเศษซึ่งทำยอดขายได้ 90% หรือราว 4 พันล้านบาท และส่วนที่เหลืออีก 10% คาดว่าจะหมดในรอบ Open house วันที่ 3-4 ส.ค.นี้

สำหรับโครงการ CHAPTER เจริญนคร-ริเวอร์ไซด์จะเป็นโครงการที่ทำให้ยอดขายของกลุ่มพรีเมียมเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และบริษัทจะเลื่อนการเปิดโครงการใหม่อีก 1 โครงการที่จะเปิดในปีนี้ออกไปเปิดในปี 63 แทน ได้แก่ โครงการ CHAPTER ทองหล่อ 25 มูลค่า 1.82 พันล้านบาท หลังจากที่ทำยอดขายปีนี้ได้เป็นไปตามเป้าแล้ว

ส่วนการเปิดโครงการใหม่ของกลุ่มพรีเมียมในปี 63 ในเบื้องต้นจะเปิด 3-4 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาอยู่แล้ว ได้แก่ โครงการ CHAPTER ทองหล่อ 25 และโครงการในย่านพญาไท มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท และอีก 1-2 โครงการที่จะประกาศอีกครั้ง

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในไตรมาส 2/62 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เริ่มทยอยกลับมาเปิดโครงการใหม่อีกครั้ง โดยการเปิดโครงการใหม่ของทั้งตลาดเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเติบโต 96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยอดขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯยังติดลบ 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และติดลบ 17% เมี่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเริ่มบังคับใช้ของมาตรการ LTV และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลต่อความมั่นใจและการตัดสินซื้อที่อยู่อาศัย

อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทยังมียอดขายเติบโตขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มพรีเมียมมาจากการเดินหน้ากลยุทธ์ใหม่ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งมีการทำสำรวจตลาดและสำรวจความต้องการของลูกค้าในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเน้นกลุ่มที่ลูกค้าที่เป็น Specific Demand ซึ่งบริษัทเห็นกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน บนทำเลที่มีศักยภาพและตรงกับความต้องการของลูกค้า พร้อมกับพัฒนาสินค้าที่ไม่ซ้ำกับผู้พัฒนารายอื่น และมีขนาดห้องที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนั้น ๆ ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในด้านยอดขายจากโครงการที่ผ่านมาในปีนี้

“เรามองทำเลแทนลูกค้าแบบถูกที่และถูกคน อีกทั้งการปรับตัว การมองลูกค้าและสินค้าที่ชัดเจนและตอบโจทย์ ทำให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ในภาวะขาลงของอุตสาหกรรม เรามองหาดีมานด์และหาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เหมาะสมที่เป็น Specific Demand ซึ่งทำให้เราประสบความสำเร็จ” นายประเสริฐ กล่าว

ด้านเป้าหมายยอดโอนของกลุ่มพรีเมียมในปี 62 ตั้งเป้าไว้ที่ 5 พันล้านบาท ซึ่งยอดโอนในครึ่งปีแรกของปีนี้ทำได้แล้ว 3 พันล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังมั่นใจว่าจะมีการโอนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในครึ่งปีแรกกลุ่มพรีเมียมมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท จากทั้งหมด 10 โครงการที่เปิดขายไปแล้ว ซึ่ง Backlog ของกลุ่มพรีเมียมในครึ่งปีแรกคิดเป็นสัดส่วน 50% ของ Backlog ทั้งหมดในพฤกษา ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังส่วนหนึ่ง และจะทยอยรับรู้ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดภายในปี 63

Back to top button