DTC วิ่งฉิว 7% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 8% หลังจ่อเปิดโรงแรม-เล็งซื้อกิจการในยุโรปเพิ่ม
DTC วิ่งฉิว 7% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 8% หลังจ่อเปิดโรงแรม-เล็งซื้อกิจการในยุโรปเพิ่ม โดย ณ เวลา 15.56 น. ราคาอยู่ที่ 10.40 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 7.22% สูงดสุดที่ 11.50 บาท ต่ำสุดที่ 9.95 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 45.42 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC ล่าสุด ณ เวลา 15.56 น. อยู่ที่ 10.40 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 7.22% สูงดสุดที่ 11.50 บาท ต่ำสุดที่ 9.95 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 45.42 ล้านบาท
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม DTC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 8% จากปีก่อนที่ทำได้ 5.56 พันล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจโรงแรม ซึ่งปีนี้ก็จะเปิดให้บริการโรงแรมเพิ่มเติม ได้แก่ ดุสิตธานี มัคตัน เซบู ประเทศฟิลิปปินส์, ดุสิตดีทู ดาเวา ประเทศฟิลิปปินส์, ดุสิตโดฮาโฮเทล โดฮา ประเทศกาตาร์ และดุสิตสวีท ราชดำริ กรุงเทพ ประเทศไทย เป็นต้น ส่งผลให้ปัจจุบันมีธุรกิจโรงแรมในเครือและรับจ้างบริหารรวม 271 แห่ง ใน 14 ประเทศ ในทวีปเอเชีย, ตะวันออกกลาง และแอฟริกาใต้
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการธุรกิจโรงแรมเพิ่มเติมอีก จำนวน 2-3 แห่ง ในทวีปยุโรป คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในครึ่งหลังปีนี้
สำหรับธุรกิจอาหารปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีรายได้ 500 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเป็น 1,000 ล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยพรุ่งนี้ (25 ก.ค.62) เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในรูปแบบอาหารเพื่อสุขภาพที่ดำเนินการร่วมกับพันธมิตร คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเข้ามาขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในปีนี้ และปีต่อไป ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมลงทุน (JV) ในธุรกิจอาหารเพิ่มเติมอีก 2-3 ราย แต่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะสรุปได้ทันปีนี้หรือไม่
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนนำโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DREIT) มูลค่าสินทรัพย์ 2.3 พันล้านบาท ในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถบันทึกเป็นกำไรพิเศษในไตรมาส 3/62 อย่างไรก็ตามปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการทำแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขาย (Filing) คาดว่าจะยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อพิจารณาอนุมัติได้ในเดือนส.ค.62
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม หรือมิกซ์-ยูส (Mixed-Use Development) มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ตรงหัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตฯ คาดว่าจะได้ใบอนุญาตฯ สิ้นเดือนก.ค.นี้ และหลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการรื้อถอนได้ โดยโครงการดังกล่าวจะเปิดให้บริการทั้งหมดได้ภายในปี 66 ซึ่งยังเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้เดิม
โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวในส่วนของคอนโดมิเนียม แม้ขณะนี้ยังไม่เปิดขาย แต่มียอดจองไปแล้วกว่า 55 ราย หรือคิดเป็นเกือบ 20% ของยูนิตทั้งหมด 389 ยูนิต