“ตู่” นั่งหัวโต๊ะเคาะรายจ่ายปีงบฯ 63 กว่า 3 ล้านล้าน แบเบอร์ขาดดุลเฉียด 5 แสนลบ.
“ตู่” นั่งหัวโต๊ะเคาะรายจ่ายปีงบฯ 63 กว่า 3 ล้านล้าน แบเบอร์ขาดดุลเฉียด 5 แสนลบ.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 ว่า รัฐบาลยังกรอบงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ 3.2 ล้านล้านบาท แต่ได้ปรับประมาณการรายได้สุทธิเหลือ 2.731 ล้านล้านบาท จากเดิมที่ 2.75 ล้านล้านบาท
ขณะที่งบประมาณขาดดุลเพิ่มเป็น 4.69 แสนล้านบาท จากเดิมที่กำหนดขาดดุลไว้ 4.5 แสนล้านบาท เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ 2563 เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยคาดว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในราวเดือน ม.ค.63
“การจัดทำงบประมาณต้องให้สอดคล้องกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอก โดยจะรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากคณะกรรมการชุดต่างๆ เพื่อให้การจัดทำงบประมาณ และการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
การประชุมในวันนี้มีสำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าร่วมหารือกับฝ่ายรัฐบาล โดยนายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ แถลงว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท และเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 6 ส.ค.นี้
สำหรับกรอบงบประมาณปี 63 ประกอบด้วย ประมาณการรายได้ที่จะจัดเก็บอยู่ที่ 2.731 ล้านล้านบาท แต่เป็นเงินขาดดุลบัญชี 4.69 แสนล้านบาท ซึ่งงบลงทุนประมาณการไว้ที่ 6.5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด งบรายจ่ายประจำอยู่ที่ 2.393 ล้านล้านบาท หรือ 74.7% งบชำระคืนต้นเงินกู้ประมาณ 8.9 หมื่นล้านบาทเศษ
ส่วนปฏิทินงบประมาณนั้นหลังจากมีการเสนอเข้า ครม.แล้ว หน่วยงานต่างๆ จะมีคำของบประมาณไปถึงสำนักงบประมาณภายในวันที่ 9 ส.ค.62 และตามกำหนดจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาร่า พ.ร.บ.งบประมาณฯ ของรัฐสภานั้น สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาวาระ 1 ในวันที่ 17 ต.ค.62 จากนั้นคาดว่าจะพิจารณาวาระ 2 และ 3 ราวต้นเดือน ม.ค.63 และเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาประมาณกลางเดือน ม.ค.63 โดยคาดว่าจะนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทูลเกล้าฯ ได้ในช่วงปลายเดือน ม.ค.63
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ คาดการณ์ว่าการจำทำงบประมาณรายจ่ายของประเทศจะเข้าสู่งบสมดุลได้ในปี 73 อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจด้วย