สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 1 ส.ค. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 1 ส.ค. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐและจีนได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อประเด็นการค้าระหว่างประเทศ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเกือบ 8%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,583.42 จุด ร่วงลง 280.85 จุด หรือ -1.05% ขณะดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,953.56 จุด ลดลง 26.82 จุด หรือ -0.90% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,111.12 จุด ลดลง 64.30 จุด หรือ -0.79%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และจากข่าวการควบรวมกิจการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในภาคการเงิน ซึ่งช่วยหนุนตลาดขึ้น หลังจากลดลงในช่วงแรกจากความผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.50% ปิดที่ 387.68 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,557.41 จุด เพิ่มขึ้น 38.52 จุด หรือ +0.70% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,253.15 จุด เพิ่มขึ้น 64.11 จุด หรือ +0.53% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,584.87 จุด ลดลง 1.91 จุด หรือ -0.03%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่ค่าเงินปอนด์ทรุดตัวลงอย่างหนัก และหุ้นบริษัทเชลล์ร่วงลงหลังเปิดเผยผลกำไรลดลงเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,584.87 จุด ลดลง 1.91 จุด หรือ -0.03%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 8% เมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 4.63 ดอลลาร์ หรือ 7.9% ปิดที่ 53.95 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ดิ่งลง 4.55 ดอลลาร์ หรือ 6.99% ปิดที่ 60.50 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต หลังจากที่คณะกรรมการเฟดได้ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.4 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 1,432.4 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 22.5 เซนต์ หรือ 1.37% ปิดที่ 16.18 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 27.6 ดอลลาร์ หรือ 3.14% ปิดที่ 851.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 110.10 ดอลลาร์ หรือ 7.2% ปิดที่ 1,414.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงหลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณเตือนถึงผลกระทบของการที่อังกฤษอาจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.35 เยน จากระดับ 108.77 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9901 ฟรังก์ จากระดับ 0.9934 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3234 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3197 ดอลลาร์แคนาดา

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2146 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2162 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1081 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1085 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6804 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6839 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button