BEM วิ่งแรง 4% ขานรับรมว.ขีดเส้นเคลียร์ปม “ค่าโง่ทางด่วน” จบเดือนนี้!
BEM วิ่งแรง 4% ขานรับรมว.ขีดเส้นเคลียร์ปม "ค่าโง่ทางด่วน" จบเดือนนี้!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ล่าสุด ณ เวลา 10.13 น. อยู่ที่ระดับ 10.80 บาท ปรับตัวขึ้น 0.40 บาท หรือ 3.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 570.49 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น BEM ปรับตัวขึ้นแรงวันนี้ หลังจากที่วานนี้ (6 ส.ค.62) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM มูลค่า 5.9 หมื่นล้านบาท โดยมีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน
ทั้งนี้ คณะกรรมการจะต้องไปศึกษารายละเอียดผลการศึกษาแนวทางแก้ปัญหาทั้งหมด ตั้งแต่ที่มาของโครงการ เงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) สัญญาสัมปทาน ว่าที่ผ่านมาปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ เพื่อจัดทำแนวทางแก้ปัญหาใหม่ที่ไม่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน และนำเสนอตนเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้
ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตามที่มีรายงานข่าวออกมาระบุว่า การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญผู้แทนจากบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) มาชี้แจง พร้อมทั้งผู้แทนสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะที่ปรึกษาการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เข้าให้ข้อมูลด้วย ภายหลังจากจบการชี้แจงของผู้แทน BEM ประธานและรองประธาน กมธ. รวมถึง กมธ.หลายราย ต่างแสดงความเห็นว่า แนวทางการเจรจากับ BEM ที่ลดค่าเสียหายลงมาถือว่ามาถูกทาง ในการช่วยบรรเทาความเสียหายของรัฐและยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ”หุ้น BEM โดยมีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว คาดว่าการยืดอายุสัมปทานจะยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อแก้ข้อพิพาท ขั้นตอนต่อไป กระทรวงคมนาคมจะนำเสนอ ครม. เพื่อการอนุมัติ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือน ก.ย.2562 โดยคาดว่าจะเสริมปริมาณผู้โดยสารให้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการเดินทางไปเยาวราช รวมถึงจรัญสนิทวงศ์และบางหว้าที่จะมีผู้ต้องการใช้รถไฟฟ้ามาก
พร้อมประเมิน BEM จะมีกำไรปกติปี 2562 ประมาณ 3.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ให้ราคาเป้าหมายที่ 12.10 บาท อิง DCF (WACC 5%, Terminal Growth 1.5%)