L&E ตุนแบ็คล็อกแน่น 1.3 พันลบ. มั่นใจหนุนผลงานครึ่งหลังปี 62 โตเด่น
L&E ตุนแบ็คล็อกแน่น 1.3 พันลบ. มั่นใจหนุนผลงานครึ่งหลังปี 62 โตเด่น
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E เปิดเผยถึง แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2562 ฟื้นตัวจากครึ่งปีแรกอย่างมีนัยสำคัญจากการรับรู้รายได้จากมูลค่างานคงค้างในมือมูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท ทั้งหมดภายในครึ่งปีหลัง และคาดว่าทั้งปีรายได้จะเติบโตประมาณ 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,923 ล้านบาท และกำไรสุทธิเติบโตในทิศทางเดียวกัน
สำหรับงวดครึ่งปีแรก (มกราคม – มิถุนายน 2562) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการจำนวน 1,146 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 165 ล้านบาท หรือลดลง 13% ขณะที่กำไรสำหรับงวด อยู่ที่ 0.6ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไร 44.4 ล้านบาท โดยการลดลงเกิดจากการเลื่อนรับรู้รายได้งานโครงการต่าง ๆ และการชะลอตัวของโครงการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์จากของเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ LED เพื่อประหยัดพลังงานของทั้งภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2562 (เมษายน – มิถุนายน ) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 548 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 136 ล้านบาท หรือลดลง 20% จากการเลื่อนส่งมอบงานมูลค่าประมาณ 160 ล้านบาท จากโครงการงานรัฐสภา งานสนามบินสุวรรรณภูมิอาคารเทียบเครื่องบินรอง งานโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ งานโรงพยาบาลศิริราช งานการทางพิเศษ เป็นต้น
นอกจากนี้การแข่งขันของสินค้า consumers จากประเทศจีนซึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าจีน – อเมริกา ก็มีผลกระทบต่อรายได้จากการขายของงานขายส่ง/ขายปลีกด้วย ส่วนงานส่งออกนั้นลดลง 16% เป็นผลจากการเลื่อนส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าในประเทศเวียดนาม ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 2/2562 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 16.2 ล้านบาทเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.5 ล้านบาท (หากไม่รวมการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานจากกฎหมายแรงงานใหม่จำนวน 23.7 ล้านบาท บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงาน 7.4 ล้านบาท)
“ต้องยอมรับว่า L&E ในฐานะผู้นำในธุรกิจแสงสว่าง รับงานโครงการจากภาครัฐบาลและเอกชนทำให้ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากเหตุการณ์ทางการเมือง การจัดตั้งรัฐบาลที่เพิ่งมีความชัดเจนทำให้การรับรู้รายได้จากงานโครงการล่าช้า
รวมทั้งการชะลองานโครงการต่างๆ ออกไปเพื่อรอนโยบายรัฐบาล ประกอบกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2562 ทำให้มีค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน ส่งผลในไตรมาส 2/2562 โดยตรงจำนวน 23.7 ล้านบาท แต่ทั้งปีฝ่ายบริหารคาดว่ารายได้จากการขายและให้บริการจะเติบโตได้ประมาณ 5% ขณะที่มีกำไรสุทธิเติบโตในทิศทางเดียวกัน” นายปกรณ์ กล่าว