ดอลล์ร่วงหลังตัวเลขค้าปลีกสหรัฐอ่อนแอ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) หลังจากข้อมูลค้าปลีกสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาดได้สกัดการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนก.ย.นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1009 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1003 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5629 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5484 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.33 เยน จาก 123.43 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9452 ฟรังก์ จาก 0.9497 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7449 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7406 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันเนื่องจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ยอดค้าปลีกร่วงลง 0.3% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 4.42 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย หลังจากที่ดีดตัวขึ้นจากภาวะซบเซาในช่วงฤดูหนาว โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่ายอดค้าปลีกเดอืนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.2%
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ปรับลดยอดค้าปลีกในเดือนพ.ค. เป็นเพิ่มขึ้น 1% หลังจากรายงานในตัวเลขเบื้องต้นว่าเพิ่มขึ้น 1.2% และปรับลดยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย. เป็นทรงตัว จากที่ระบุว่าเพิ่มขึ้น 0.2%
บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ยอดค้าปลีกที่อ่อนแรงสวนทางคาดการณ์ทำให้ตลาดวิตกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจชะลอลง ซึ่งจะสกัดกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างรอดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งจะแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในวันพุธและวันพฤหัสบดีนี้ โดยตลาดทั่วโลกจะจับตาแถลงการณ์ของนางเยลเลนเพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังจากที่ได้กล่าวยืนยันแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา