จังหวะเก็บ JWD โบรกฯแนะซื้อเป้า 12 บ. อัพไซด์เกิน 40% จับตาครึ่งปีหลังโตต่อรับไฮซีซั่น
จังหวะเก็บ JWD โบรกฯแนะซื้อเป้า 12 บ. อัพไซด์เกิน 40% จับตาครึ่งปีหลังโตต่อรับไฮซีซั่น
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD หลังรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/62 มีกำไร 79.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากปีก่อนกำไร 48.68 ล้านบาท ส่วน 6 เดือนแรกกำไร 169.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากปีก่อนมีกำไร 90.40 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาหุ้น JWD วานนี้ (14 ส.ค.)ปรับตัวลงมาที่ระดับ 8.35 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 2.91% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 81.46 ล้านบาท จึงยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 12 บาท อยู่ 43.71%
โดย นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” JWD ราคาเป้าหมาย 12 บาท/หุ้น กำไรปกติครึ่งปีแรกปี 2562 อยู่ที่ 188.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.7% เมื่อเทียบจากปีก่อน คิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปี ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังปี 2562 ยังเติบโตดีเพราะเป็น High Season ยังคงประมาณการคาดกำไรปกติ 370.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.6% เมื่อเทียบจากปีก่อน และคาดกำไรโตเฉลี่ย 16% ต่อปีใน 3 ปีข้างหน้า
ด้าน นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตประมาณ 20% จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,283.9 ล้านบาท โดยภาพรวมธุรกิจ 6 เดือนแรกของปีนี้ถือว่ารายได้รวมเติบโตมากกว่าเป้าหมายเล็กน้อย ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังเริ่มรับส่วนแบ่งกำไรจาก TRANSIMEX CORPORATION
โดยแนวโน้มการดำเนินงานในครึ่งปีหลังมั่นใจจะรักษาอัตราเติบโตได้ดี โดยภาพรวมธุรกิจเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาอยู่ระดับที่น่าพอใจ ในส่วนธุรกิจให้บริการจัดเก็บและบริหารสินค้าอันตรายคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาส 3/62 เนื่องจากดีมานด์ที่อยู่ในระดับสูง ธุรกิจศูนย์ JCS จะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้หลังได้รับงานใหม่จากลูกค้ารายใหญ่ ธุรกิจห้องเย็นคาดว่าจะมีอัตราเติบโตที่ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงคลังสินค้าทั่วไปในย่านบางนาเป็นห้องเย็นเพื่อรองรับงานจากลูกค้ารายใหญ่ ส่วนธุรกิจให้บริการจัดเก็บและบริหารสินค้าทั่วไป รวมถึงธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ยังคงมีการเติบโตที่ดี
ขณะที่ธุรกิจร่วมทุนกับ Bok Seng Logisitcs ประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้บริการโลจิสติกส์เฉพาะทางสำหรับสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ (Project Cargo Logistics) ในประเทศไทยและภูมิภาค และธุรกิจร่วมทุนกับ CJ Logistics ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่จากเกาหลีใต้ เพื่อขยายตลาดให้บริการบริหารจัดการสินค้าแบบ B2B และ B2C ในไทย ได้เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว โดยล่าสุดบริษัทฯ ร่วมทุนกับ CJ Logistics เพิ่งได้รับงานจากลูกค้ารายใหญ่ นอกจากนี้คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของ TRANSIMEX CORPORATION จะดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น
สำหรับปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการส่งออกชะลอตัว อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้บริหารความเสี่ยง (Risk Management) อย่างรัดกุม โดยในช่วงที่ผ่านมาได้กระจายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา อินโดนีเซีย เวียดนามและไต้หวัน รวมทั้งขยายบริการโลจิสติกส์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องครอบคลุมกลุ่ม B2B B2C โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และฟู้ดซัพพลายเชนที่ประเทศไต้หวัน เพื่อกระจายสัดส่วนรายได้และเสริมศักยภาพด้านโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมทั้งซัพพลายเชนในเซ็กเมนต์ที่ต้องการความชำนาญและอยู่ในเทรนด์การเติบโต