“ทริส” อัพเรทติ้ง EA สู่ระดับ “A” ตอกย้ำพื้นฐานแกร่ง จับตาธุรกิจใหม่ดันผลงานปี 63 นิวไฮ
"ทริส" อัพเรทติ้ง EA สู่ระดับ “A” ตอกย้ำพื้นฐานแกร่ง จับตาธุรกิจใหม่ดันผลงานปี 63 นิวไฮต่อเนื่อง!
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่สองที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 3,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เป็นไปตามที่บริษัทได้คาดไว้
ทั้งนี้ เป็นผลสำเร็จจากการผลิตไฟฟ้าของโครงการหนุมาน โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่แล้วเสร็จและจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ครบทั้ง 260 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา จน ณ ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมรวมทั้งสิ้น 664 เมกะวัตต์
สำหรับความคืบหน้าในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทย 100% ภายใต้ยี่ห้อ MINE Mobility นั้น อยู่ระหว่างสร้างโรงงานประกอบ นำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรการผลิต และจัดเตรียมชิ้นส่วนต่างๆ ไว้ โดยตามแผน บริษัทฯ จะทยอยส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าที่มียอดจองเข้ามาแล้วกว่า 4,500 คัน ได้ในต้นปี 2563
ขณะที่เรือไฟฟ้านั้น บริษัทฯได้จัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ “บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด” (E Smart Transport Co., Ltd.) เพื่อดำเนินธุรกิจ เรือโดยสารและเรือท่องเที่ยว เพื่อเตรียมการจะเปิดให้บริการรับส่งผู้โดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าน้ำนนทบุรี ไปยังท่าน้ำวัดราชสิงขร ระยะทางรวม 20 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นการเดินทางที่ใช้เวลาไม่ถึง 40 นาที อยู่ระหว่างการผลิตเรือนำร่อง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมนี้และเตรียมเปิดทดลองใช้ในปลายปีอย่างแน่นอน ส่วนที่เหลือจะทยอยผลิตเพื่อนำมาให้บริการตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า ด้วยงบประมาณรวม 1 พันล้านบาท
นายอมร กล่าวอีกว่า ในเดือนก.ค. และ ส.ค. ที่ผ่านมา บริษัทได้ออกหุ้นกู้ 2 ครั้ง รวม 5 ชุด เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 7 พันล้านบาท เพื่อนำไปใช้ชำระค่าใช้จ่ายลงทุนของโครงการหนุมาน โดยมีรายละเอียดดังนี้
หุ้นกู้ที่ออกนี้ ช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยได้เป็นจำนวนมาก หลังจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เพิ่มเครดิตองค์กรเป็น “A” จาก “A-” ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทฯ สะท้อนถึงผลประกอบการที่มั่นคงแน่นอนจากโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่แสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ สร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ และมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทเดินเครื่องเต็มกำลังแล้ว
“แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ และในปีหน้า บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 9,200 ล้านบาท โดยเน้นน้ำหนักไปที่โครงการผลิตแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนเฟสแรก ขนาดกำลังการผลิต 1 GWh ด้วยงบประมาณการลงทุน 5,000 ล้านบาท เราต่อยอดธุรกิจใหม่โดยใช้แบตเตอรี่เป็นพื้นฐาน ซึ่งเราถือเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย ที่เข้ามารุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและเรือไฟฟ้า ที่ออกแบบและผลิตโดยคนไทย ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของกลุ่ม EA ร่วมกับชิ้นส่วนอื่นๆ ที่เป็นของไทยทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการลงทุนสร้างโรงผลิตกรีนดีเซล และพีซีเอ็มที่เป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มขั้นสูงและเป็นลิขสิทธิ์ของกลุ่มบริษัทเอง สำหรับทำตลาดส่งออกและทดแทนการนำเข้า และมั่นใจว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้จะเป็น New S-curve ของเราที่จะช่วยผลักดันรายได้ และกำไรของบริษัทฯ ในปี 2563 นิวไฮต่อเนื่อง” นายอมร กล่าว