“ภากร” เผย SET ร่วงหนักตามตปท. เตือนนลท.อย่าแพนิค หุ้นไทยยังปันผลสูง-ลุ้นเม็ดเงินไหลเข้า
"ภากร" เผย SET ร่วงหนักตามตปท. เตือนนลท.อย่าแพนิค หุ้นไทยยังปันผลสูง-ลุ้นเม็ดเงินไหลเข้า
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงดัชนี SET ช่วงเช้าที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากว่า ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัจจัยของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯตอบรับปัจจัยดังกล่าวไปก่อน ซึ่งได้ปรับตัวลดลงราว 2.5% และมีผลตามมาต่อตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงตอบรับข่าวลบดังกล่าวตามกัน
ขณะที่ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยถือว่ายังมีความน่าสนใจอยู่ ซึ่งจะเห็นได้จากระดับ P/E และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ที่ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ส่วนกระแสเงินทุนจากต่างชาติในปีนี้ยังเป็นบวก และมีมูลค่าที่อยู่ในระดับสูง แม้ว่าช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติจะมีการขายออกมา แต่การขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติเทียบกับตลาดในภูมิภาคถือว่าใกล้เคียงกัน โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น
“ผมเชื่อว่าหากปัจจัยความไม่แน่นอนที่มาจากปัจจัยภายนอกมีความชัดเจนขึ้น กระแสเงินทุนจากต่างชาติจะมีโอกาสไหลกลับเข้ามาในไทย โดยเฉพาะนักลงทุนประเภท Passive Investor โดยการลงทุนในระยะยาวจะกลับมาเข้าลงทุนเป็นอันดับแรกๆ”นายภากร กล่าว
ขณะที่การจัดงาน “Thailand Focus 2019: Embracing Opportunities – The Next Chapter” ระหว่างวันที่ 28-30 ส.ค.นี้ นายภากร เชื่อว่าจะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ในการให้ข้อมูลในหลายๆเรื่อง ทั้งในเรื่องของการมีรัฐบาลใหม่ที่มาสานต่อนโยบายที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ และการปรับนโยบายให้นักลงทุนสามารถเข้ามาลงทุนได้ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาร่วมงานดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนอย่าตกใจและตื่นตระหนกกับภาวะความไม่แน่นอนที่กดดันตลาดหุ้นในช่วงนี้ เพราะปัจจัยดังกล่าวเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และอยากให้นักลงทุนติดตามข่าวและสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และควรใช้ความระมัดระวัง พร้อมกับการจัดพอร์ตให้เหมาะสม โดยมองว่าหุ้นในกลุ่มที่อ้างอิงกับการส่งออกไปสหรัฐฯและจีนเป็นหุ้นที่จะได้รับแรงกดดันสูง แต่ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่ไม่ได้รับจากปัจจัยดังกล่าว และราคาหุ้นไม่ได้รับลดลงตามตลาด เช่นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF)
“ภาวะที่ตลาดยังเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง ทำให้ต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด และประเมินความเสี่ยงที่นักลงทุนสามารถรับได้ เน้นเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่พึ่งพิงต่อการส่งออกมากนัก เน้นการพึ่งพิงเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก และหากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงตลาดหลักทรัพย์ก็มีแนวทางรับมือในหลายส่วนทั้งในเรื่องของการให้ข้อมูล ไปถึงจนถึงการใช้ (Circuit Breaker)