ดาวโจนส์ปิดขยับลงหลังประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่ารัฐสภากรีซจะผ่านร่างกฎหมายการปฏิรูปเศรษฐกิจหรือไม่


ดาวโจนส์ปิดขยับลงหลังปธ.เฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.

สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (15 ก.ค.) ที่ 18,050.17 จุด ลดลง 3.41 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,098.94 จุด ลดลง 5.95 จุด หรือ -0.12% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,107.40 จุด ลดลง 1.55 จุด หรือ -0.07%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดอ่อนแรงลง และเคลื่อนไหวในแดนลบจนกระทั่งตลาดปิดทำการ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ และอัตราว่างงานจะค่อยๆลดลง

นางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่า ราคาน้ำมันที่ระดับต่ำ และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นจะยังคงช่วยหนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่ภาวะทางการเงินยังคงสนับสนุนการขยายตัว นอกจากนี้นางเยลเลนกล่าวว่า การใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากในประเทศอื่นๆจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

นักลงทุนติดตามดูการอภิปรายร่างกฎหมายปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซ หลังจากที่ร่างกฎหมายปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับใหม่ของนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ สามารถผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการ 4 คณะในรัฐสภากรีซแล้วเมื่อวานนี้ และได้นำร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเต็มคณะ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. ตามราคาพลังงาน ซึ่งบ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่เฟดสาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) พุ่งขึ้นในเดือนก.ค. หลังจากหดตัวลงในเดือนมิ.ย.

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 3.9% ขณะที่หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.4%, หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับขึ้น 3.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.32 พันล้านดอลลาร์ หรือ 45 เซนต์ต่อหุ้น ในไตรมาส 2 เทียบกับระดับ 2.29 พันล้านดอลลาร์ หรือ 19 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 36 เซนต์ต่อหุ้น

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าและยอดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติ, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.ค.เฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)

Back to top button