IFA ยัน JAS ขายสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสงเข้า JASIF เหมาะสม เชียร์ผถห.ไฟเขียว 25 ก.ย.นี้
IFA ยัน JAS ขายสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสงเข้า JASIF มูลค่า 3.8 หมื่นลบ. เหมาะสม เชียร์ผถห.ไฟเขียว 25 ก.ย.นี้
ตามที่เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ผู้หุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 ก.ย.2562 เพื่อพิจารณาการจำหน่ายทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานประเภทเส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cables) จำนวนประมาณ 700,000 คอร์กิโลเมตร ให้กับบกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) คิดเป็นมูลค่ารายการไม่เกิน 38,000 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
อีกทั้งทำรายการได้มาซื้อสินทรัพย์ คือ การเช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่ม การขยายอายุสัญญาเช่าหลักของทรัพสินเดิม และการต่ออายุสัญญาเช่าหลักของทรัพย์สินเดิมและทรัพย์สินส่วนเพิ่มหลังวันที่ 29 ม.ค.2575 เพื่อให้บริษัท ทริปเปิ้ลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB และบริษัทย่อยสามารถนำมาให้บริการแก่ลูกค้าต่อไป รวมถึงการซื้อหน่วยลงทุนกองทุนฯในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 33 ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม JAS เคาะขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเข้า “JASIF” มูลค่า 3.8 หมื่นลบ. จ่อชงผถห. 25 ก.ย.นี้
ล่าสุด บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาการเงินอิสระเพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าว มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯควรอนุมัติการทำรายการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ในครั้งนี้
โดยความเหมาะสมของการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์นั้น ที่ปรึกษาการเงินอิสระได้ทำการประเมินมูลค่าของทรัพย์สิน ส่วนเพิ่มจำนวน 700,000 คอร์กิโลเมตร ด้วยวิธีมูลค่าปัจจุบันกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach) มีมูลค่าประมาณ ระหว่าง 35,643.08 – 39,009.66 ล้านบาทซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่าหรือใกล้เคียงกับมูลค่าที่จะได้รับจากการจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินที่ 38,000 ล้านบาท ดังนั้น ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่า รายการดังกล่าวมีความเหมาะสม
ส่วนความเหมาะสมของการได้มาซึ่งสินทรัพย์จากการทำสัญญาเช่าทรัพย์สิน ทั้งการเช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่ม การขยายอายุสัญญาเช่าหลักสำหรับทรัพย์สินเดิม และการให้สิทธิกองทุนฯในการต่ออายุสัญญาเช่าหลัก
โดย 1. เช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มจำนวน 700,000 คอร์กิโลเมตร โดยประกอบด้วยค่าเช่า ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และรายได้จากการให้บริการบริหารดูแลและบำรุงทรัพย์สิน โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระทำการประเมินด้วยมูลค่าด้วยวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach) โดยมีประมาณการ 2 กรณีคือ ตามอายุสัญญาเช่าทรัพย์สิน และตามอายุการใช้งานของ OFC ซึ่งได้มูลค่าประมาณ 27,411.15 – 40,793.65 ล้านบาท ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่าการทำรายการที่มีความเหมาะสมอยู่ในช่วงของการจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินในราคา 38,000 ล้านบาท
- การขยายอายุสัญญาเช่าหลักสำหรับทรัพย์สินเดิมสิ้นสุดลงในวันที่ 22 ก.พ.2569 โดยขยายเวลาออกไปถึงวันที่ 29 ม.ค.2575 ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่า การประมาณการของกราจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินทรัพย์กรณีที่ 2 มีระยะเวลา 30 ปี (2562-2592) ซึ่งเป็นกรณีที่นำ EBITDA ของ TTTBB หักด้วยค่าเช่ารวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องสุทธิของทั้งทรัพย์สินเดิม และทรัพย์สินส่วนเพิ่ม โดยเป็นการคำนวณที่ครอบคลุมถึงช่วงเวลาที่มีการขยายอายุสัญญาเช่าหลักสำหรับทรัพย์สินเดิม (2569 – 2575) เรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งการประมาณการของการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์กรณีที่ 2 จะได้มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงิน 40,574 ล้านบาท ซึ่งมีค่าเป็นบวก ดังนั้นการขยายอายุสัญญาเช่าหลักของทรัพย์สินเดิมไม่ได้ส่งผลเสียหรือมีผลกระทบต่อบริษัทฯที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่าการทำรายการที่มีความเหมาะสมสำหรับบริษัทฯ
- การให้สิทธิกองทุนฯในการต่ออายุสัญญาเช่าหลักออกไปอีก 10 ปี ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ทำการประมาณการรายได้ที่จะเกิดขึ้นในปี 2573 รวมถึงการได้วิเคราะห์ความไว (Sensitivity Analysis) ที่เกี่ยวกับอัตราการเติบโตของรายได้ ซึ่งมีโอกาสน้อยมาที่รายได้ปี 2573 เข้าตามเงื่อนไขของรายได้ 40,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระยังมีความเห็นว่าจากเอกสารของ AMR Asia ว่า TTTBB สามารถดำเนินการสร้าง วางสาย และติดตั้งเส้นใยแก้วนำแสงภายในกำหนดเวลา 18 เดือนในราคาต้นทุนประมาณ 9,480 ล้านบาท บนทางเส้นเดียวกับกองทุนฯ ดังนั้นถ้าการที่ TTTBB ไม่ได้ต่ออายุสัญญาเช่าหลักออกไปอีก 10 ปีจะมีผลกระทบค่อนข้างน้อยต่อบริษัทฯ
ด้านความเหมาะสมของการได้มาซึ่งสินทรัพย์จากการได้มาซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนฯ กองทุนฯจะเพิ่มทุนโดยทุนที่เพิ่มขึ้นอยู่กับราคาที่เสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยใช้วิธีการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหน่วยลงทุนของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยการกำหนดราคาเสนอขายจะเป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งบริษัทฯไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจควบคุม ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่าการทำรายการที่มีความเหมาะสมสำหรับบริษัทฯ
ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงข้อมูลเรื่องการวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียและความเสี่ยงของการเข้าทำรายการโดยรวม บริษัทฯจะได้รับประโยชน์จากการเข้าทำรายการ โดยราคาได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ในครั้งนี้มีความเหมาะสม