“สนธิรัตน์” ยันโรงกลั่นซาอุฯระเบิดไม่กระทบไทย เตรียมถก กบง. บ่ายนี้ รับมือราคาน้ำมันพุ่ง

"สนธิรัตน์" ยันโรงกลั่นซาอุฯระเบิดไม่กระทบไทย เตรียมถก กบง. บ่ายนี้ รับมือราคาน้ำมันพุ่ง


วันนี้(17ก.ย.62) เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานให้สัมภาษณ์กรณีโรงกลั่นน้ำมัน ซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีจนได้รับความเสียหาย ว่า เป็นเรื่องระดับโลก เพราะซาอุดิอาระเบียเป็นแหล่งใหญ่ในการผลิตน้ำมันของโลก ซึ่งการถูกโจมตีจะทำให้กระทบปริมาณน้ำมันของโลก 5 % ซึ่งเป็นปริมาณมากพอสมควร ยืนยันว่า ในระยะสั้นประเทศไทยจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมันเพราะได้เตรียมแผนสำรองในการนำเข้าน้ำมันดิบ หรือแม้กระทั่งน้ำมันดิบสำเร็จรูปถ้าจำเป็น

“เรื่องที่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบของโลก ซึ่งวันจันทร์เปิดตลาดราคาน้ำมันกระโดดขึ้นไป 15 % ก่อนจะลดลงมาอยู่ที่ 10 % คิดเป็น 5-6 เหรียญ/บาร์เรล จึงต้องติดตามราคาน้ำมันของโลก เพราะราคาน้ำมันของโลกจะกระทบกับราคาขายปลีกในประเทศไทย”

ทั้งนี้ วันนี้ (17 ก.ย.) เวลา 13.00 น.จะประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาผลกระทบและมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันภายในประเทศจากราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มสูงขึ้น

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีหลายกลไกในการช่วยเหลือ เช่น กองทุนน้ำมัน ซึ่งจะนำมาพิจารณาในการประชุมในวันนี้ รวมถึงมาตรการอื่น ๆ เพื่อลดภาระของประชาชน หากทิศทางราคาน้ำมันโลกทรงตัวเช่นนี้จะกระทบต่อต้นทุนน้ำมันประมาณ 1-2 บาท แปรผันตามขึ้นลงของราคาน้ำมันโลก

“หากซาอุดิอาระเบียสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาโรงกลั่นน้ำมันได้เสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ก็จะไม่กระทบมาก ความเชื่อมั่นของราคาน้ำมันก็จะกลับมา จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”

ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทุนน้ำมัน 4 หมื่นล้านบาทจะสามารถพยุงราคาน้ำมันไม่ให้ประชาชนใช้น้ำมันแพงกว่า 1 บาทได้หรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า สามารถทำได้ เพราะความสามารถของกองทุนน้ำมันมีมากพอ ซึ่งที่ผ่านมาได้บริหารจัดการกองทุนน้ำมันด้วยความระมัดระวัง ยิ่งในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกต่ำลงทำให้สามารถเก็บเงินสะสมเข้าสู่กองทุนน้ำมันได้มากขึ้น ซึ่งทำให้สามารถใช้กลกลของกองทุนน้ำมันเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ได้

“สิ่งที่กระทรวงพลังงานพยายามเข้าไปบริหารจัดการ คือ เรื่องราคา เรื่องซับพลายที่จะทำให้มีปริมาณน้ำมันหรือแก๊สที่มากเพียงพอต่อการใช้งานในประเทศ”

Back to top button