GUNKUL คว้างาน “โซลาร์รูฟ” กำลังผลิต 4.68 MW คาดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 2/63
GUNKUL คว้างาน “โซลาร์รูฟ” กำลังผลิต 4.68 MW คาดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 2/63
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามในสัญญาโครงการก่อสร้างระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) กับ บริษัท โลหะกิจรุ่งเจริญทรัพย์ จำกัด ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 4.68 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะทยอยก่อสร้างได้ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 และแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2563
“การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่แสดงถึงศักยภาพของบริษัทเท่านั้น แต่เป็นการขยายการลงทุนไปในธุรกิจพลังงานตามเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 บริษัทที่ได้พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานทดแทน และส่งเสริมการประหยัดพลังงาน ซึ่งการได้งานในครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าพลังงานแสงอาทิตย์สามารถนำไปใช้ได้ในเชิงพาณิชย์
สำหรับภาคอุตสาหกรรม และภาคการผลิตได้ให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าที่ถูกลง และสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานหลักได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น บริษัทฯมีความยินดีและถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานให้กับบริษัท โลหะกิจรุ่งเจริญทรัพย์ และขอขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจบริษัทเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้” นางสาวโศภชา กล่าว
นางสาวโศภชากล่าวต่อว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเข้าประมูลโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าลงดิน งานก่อสร้างสถานีโรงไฟฟ้าย่อย เเละโครงการเคเบิลใต้น้ำในเกาะสมุย และเกาะเต่า คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้งาน EPC ในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้น จึงทำให้มั่นใจรายได้และกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตตามเป้าคือ แตะระดับ 8,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 25%
ด้านนายสมบุญ แต่โสภาพงษ์ ผู้อำนวยการโรงงาน บริษัท โลหะกิจรุ่งเจริญทรัพย์ จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่ม กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างบริษัท และ GUNKUL เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าถือเป็นดีลที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับประโยชน์ทางธุรกิจ ด้วยศักยภาพของ GUNKUL ในการจัดหาโซลูชั่นด้านพลังงานทดแทนให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และอุตสาหกรรมต่างๆ
โดยมีทีมงานที่มีความชำนาญ และทุ่มเทเพื่อการพัฒนาในธุรกิจพลังงานทดแทน ทำให้บริษัทฯ มั่นใจในการร่วมมือกันครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าโครงการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา ขนาดกำลังการผลิต 4.68 เมกะวัตต์ จะทำให้ต้นทุนทางด้านพลังงานไฟฟ้าของธุรกิจบริษัทฯ ลดลงราว 22.5 ล้านบาท ต่อปี