INSET มั่นใจเทรดวันแรก 8 ต.ค.คึกคัก ตุนแบ็คล็อคกว่า 2.7 พันลบ. การันตีธุรกิจสดใส
INSET มั่นใจเทรดวันแรก 8 ต.ค.คึกคัก สะสมแบ็คล็อคกว่า 2.7 พันลบ. ทยอยรับรู้ต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนับจากนี้ การันตีธุรกิจสดใส
นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ของบริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เปิดเผยว่า INSET เป็นน้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน นอกจากจะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแล้ว การดำเนินธุรกิจในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูงตามภาวะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม
รวมทั้งการกำหนดราคาไอพีโอในระดับที่เหมาะสม โดยราคาไอพีโอที่ 2.69 บาท มีค่าP/E ที่ระดับ 13.70 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าP/E ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีธุรกิจที่ใกล้เคียงกันอยู่ที่ระดับ 16 เท่า หากเปรียบเทียบกับบทวิเคราะห์ที่มีการประเมินราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานประมาณ 3.10-3.68 บาท จะเห็นว่าราคาไอพีโอยังมีส่วนลดในระดับที่น่าสนใจ อีกทั้งในการจัดสรรหุ้นที่ผ่านมา พบว่ามีนักลงทุนสถาบันและรายย่อยแสดงความสนใจเข้าลงทุนเป็นจำนวนมาก แม้จะเป็นหุ้นขนาดเล็กแต่มีความโดดเด่นด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ INSET เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 146 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.1%ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหลังจากการเสนอขายหุ้น กลุ่มตระกูลพุกกะณะสุต จะถือหุ้นสัดส่วน 49.21% โดยบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนหลังไอพีโอ จำนวน 280 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 560 ล้านหุ้น
ด้าน นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ INSET เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่าหุ้น INSET ที่มีกำหนดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ในวันที่ 8 ตุลาคม 2562 นี้ จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้ เนื่องจากเป็นบริษัทฯที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่มีการขยายตัวที่โดดเด่นมากทุกปี จากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุน และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสื่อสารจากระบบ 4G เป็น 5G รวมทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการส่งมอบงานได้ตรงตามเวลาที่กำหนด และสามารถทำผลงานได้ดีกว่าที่ลูกค้าคาดหวังอยู่เสมอ
ทั้งนี้ INSET ถือว่าเป็นผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานในด้านโทรคมนาคม ที่มีการดำเนินการแบบครบวงจรเพียงรายเดียวในตลาดหลักทรัพย์ mai และที่ผ่านมาสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ปีละ 10-20% ปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้(Backlog) กว่า 2.7 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนับจากนี้ ซึ่งประกอบด้วย งานโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินกทม. และงานบำรุงรักษาโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (โซน C) หรือ USO ทั้ง Phase 1 และ 2 เป็นต้น
“แนวโน้มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมในช่วง 4-5 ปี หลังจากนี้ไป เชื่อว่าจะมีจำนวนงานออกมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการเตรียมความพร้อมด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่ ขณะที่ภาครัฐต้องการจะผลักดันระบบโครงข่าย เพื่อกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯได้รับงานต่อเนื่องช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้” นายศักดิ์บวร กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกของปี 2562 บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 577.69 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 46.57 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.06% ขณะที่โครงสร้างรายได้หลักมาจากธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 88% ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม 10%งานซ่อมบำรุงและบริการ อื่นๆ 2%
ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้งานซ่อมบำรุงและบริการให้แตะระดับ 10% เนื่องจากจะเป็นส่วนที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอหรือ Recurring income เพื่อสนับสนุนให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างมั่นคง