น้ำมันดิบปิดลบ ตลาดวิตกอิหร่านเพิ่มกำลังผลิต

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า หากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเริ่มมีผลบังคับใช้ ก็จะเปิดทางให้อิหร่านสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้นและสร้างแรงกดดันให้กับราคาน้ำมัน


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 74 เซนต์ ปิดวานนี้ (20 ก.ค.) ที่ 50.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 45 เซนต์ ปิดที่ 56.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเนื่องจากความวิตกกังวลว่า อิหร่านอาจจะผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้นเมื่อการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประกาศรับรองข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ ซึ่งจะปูทางไปสู่การยกเลิกการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน เพื่อแลกกับการเข้าตรวจสอบครั้งใหม่ของนานาชาติ

การลงมติรับรองของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นมีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น อิหร่าน และ 6 ชาติมหาอำนาจของโลก ซึ่งได้แก่ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐ และเยอรมนี ได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์

คณะมนตรีความมั่นคงได้เริ่มออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านหลายมาตรการตั้งแต่ปี 2549 เพื่อให้อิหร่านระงับโครงการนิวเคลียร์ที่ชาติตะวันตกสงสัยว่าอิหร่านอาจใช้บังหน้าการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ โดยมีมาตรการห้ามขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ให้แก่อิหร่าน รวมทั้งขีปนาวุธ ขณะที่มีการอายัดทรัพย์สินของบริษัทและสถาบันต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์ และมีการสั่งห้ามการเดินทางของบุคคลที่พัวพันกับโครงการดังกล่าว

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

Back to top button