ERW บวก 4% โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เคาะเป้า 6.70 บ. คาดผลงานไตรมาส 3/62 สดใส รับรายได้พุ่ง

ERW บวก 4% โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" เคาะเป้า 6.70 บ. คาดผลงานไตรมาส 3/62 สดใส รับรายได้พุ่ง โดย ณ เวลา 15.01 น. ราคาอยู่ที่ 5.45 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.81% สูงสุดที่ 5.55 บาท ต่ำสุดที่ 5.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 26.72 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ล่าสุด ณ เวลา 15.01 น. อยู่ที่ 5.45 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.81% สูงสุดที่ 5.55 บาท ต่ำสุดที่ 5.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 26.72 ล้านบาท

ด้าน บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ต.ค.2562) แนะนำ “ซื้อ” ERW ราคาเป้าหมาย 6.70 บาท/หุ้น โดยคาด ERW รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 3/62 ที่ 51 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 7.29 ล้านบาทในไตรมาส 2/62 และปรับตัวสูงขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยรายได้จากโรงแรมคาดว่าอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 11.9% จากไตรมาสก่อน และ 9.3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน การปรับตังสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน มาจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 3/61 เนื่องจากเป็นผลของอุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาส 3/61 อ่อนตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับในไตรมาส 3/61 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการเปิดโรงแรม Novotel&Ibis Style Sukhumvit 4 ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/62 มีการเปิดให้บริการ Hop Inn เพิ่ม 4 แห่ง

ขณะที่คาด RevPar (ไม่นับรวม Hop Inn) ในไตรมาส 3/62 ปรับตัวลดลงราว 6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เท่ากับในช่วงไตรมาส 2/62 จากการที่อัตราการเข้าพักในโรงแรมต่างจังหวัดที่ลดลง แม้ว่าเดือนก.ค.-ส.ค. 2562 จะมีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่ 6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่จำนวน Supply ของโรงแรมในประเทศยังคงสูงกว่า Demand จึงส่งผลให้ ADR ยังไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้

ด้าน RevPar ของกลุ่ม Hop Inn เติบโตได้ 1-2% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากการทีเปิดโรงแรม Hop Inn เพิ่ม 4 แห่งในช่วงไตรมาส 3/62 แต่ด้านอัตราการเข้าพักยังคงอ่อนแอ ปรับกำไรปี 2562 ลง แต่ ปี 2563 คาดเติบโตแกร่ง

ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวมีการเติบโตเพียง 1.3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ส่งผลให้อัตราการเข้าพักและรายได้ต่อห้องของกลุ่ม ERW อ่อนตัวลง ประกอบกับ ERW มีการบันทึกสำรองผลประโยชน์พนักงานไปในไตรมาส 2/62 และถึงแม้ว่าอัตราการเข้าพักจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 แต่ ADR ยังไม่สามารถปรับเพิ่มได้มาก เนื่องจากมี Supply ห้องใหม่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง จึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2562 ลง 5.52% จาก 535.31 ล้านบาท เป็น 505.74 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ในเดือนส.ค. 2562 เริ่มเห็นการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่ 19% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และนักท่องเที่ยวอินเดียที่ 33% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน รวมทั้งการเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยวในประเทศ และการกลับมาให้บริการเต็ม 100% ของ JW Marriot หลังการปิดซ่อมแซมไป ในขณะการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนจะช่วยหนุนยอดเข้าพักของโรงแรมในภูเก็ตและสมุยได้ ERW ยังคงแผนเปิดตัว Hop Inn อีก 3 แห่ง และโรงแรมระดับ Mid Scale 2 แห่ง ได้แก่ Mercure and Ibis Sukhumvit 24 ในช่วงไตรมาส 4/62 ซึ่งคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดเพิ่มราว 20-25 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ERW เน้นการขยายฐานโรงแรมกลุ่ม Midscale และกลุ่ม Budget Hotel ที่มี Demand อยู่มากและสามารถเข้าถึงได้ง่าย มีความเสี่ยงต่ำจากเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก และการขยายโรงแรมกลุ่ม Hop Inn ในต่างจังหวัดและเริ่มเข้ามาตลาดกรุงเทพ ส่งผลให้ ERW จับกลุ่มลูกค้าได้ทุกระดับ แต่ประเด็นที่ยังต้องเฝ้าระวังได้แก่ การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว และ Supply โรงแรมใหม่ที่มากดดัน ADR เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยอิงผลประกอบการปี 2563 และค่าเฉลี่ย EV/EBITDA ที่ 14X (จาก 15X) และราคาเป้าหมายใหม่ 6.70 บาท (จากเดิม 7.10 บาท)

Back to top button