STC ควง KTBST โรดโชว์กรุงเทพฯ ก่อนลุยขายไอพีโอ 148 ล้านหุ้น พ.ย.นี้
STC ควง KTBST โรดโชว์กรุงเทพฯ ก่อนลุยขายไอพีโอ 148 ล้านหุ้น พ.ย.นี้
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยว่า บริษัทฯ จัดงานนำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อนักลงทุนทั่วไป (โรดโชว์) ในวันที่ 30 ตุลาคม 2562 นี้ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จังหวัดกรุงเทพฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นธุรกิจ และความน่าสนใจในการลงทุน ก่อนเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 148 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26.06% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
สำหรับ STC ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Pre-cast Concrete) ทุกประเภท และคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “STC” พร้อมทั้งให้บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีสินค้าและบริการที่ครบวงจรที่สุด และถือเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจนี้ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ขณะที่ทำเลที่ตั้งโรงงานผลิตมีทั้งสิ้น 4 แห่ง ได้แก่ โรงงานพัทยา 1 โรงงานพัทยา 2 โรงงานหนองปรือ และ โรงงานนาวัง อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพมาก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ใกล้แหล่งขนส่งสินค้าในโครงการต่าง ๆ ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขัน และการบริหารต้นทุนอย่างดีเยี่ยม
โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักหรือเป็นผู้รับเหมาช่วงของงานภาคเอกชนและภาครัฐบาล รวมไปถึง กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างต่างๆ และ กลุ่มร้านค้าวัสดุก่อสร้างและรายย่อย
โดยในงวด 6 เดือนแรก (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562) มีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป 73.11% เป็นรายได้หลักของบริษัทฯ โดยมีท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักน้ำเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง นอกจากนี้ มีเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ แผ่นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ และคานสำเร็จรูป เสริมความครบวงจรให้บริษัทยิ่งขึ้น ขณะที่ มีรายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ 23.24% รายได้จากการให้บริการ 3.21% และรายได้อื่น ๆ 0.44% ของรายได้รวม
ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจ พร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง งานระบบระบายน้ำ งานนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคตะวันออกที่กำลังขยายตัว และโอกาสจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
สำหรับโครงการในอนาคตของ บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากคอนกรีตต่างๆ ที่จะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ของภาครัฐ เช่น นิคมอุตสาหกรรม ระบบชลประทาน ระบบถนน ระบบรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกดังกล่าว
รวมทั้งการลงทุนของภาคเอกชนที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง จึงมีแผนการลงทุนในโรงงานนาวัง ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นแผนต่อยอดขยายกำลังการผลิตโรงงานนาวังในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ยอดขายและผลกำไรของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้น และสร้างความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว โดยคาดว่าจะเริ่มลงทุนในปี 2564 และมีแหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนของกิจการในอนาคต
ด้านนายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ – ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ของ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC กล่าวว่า การนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ต่อนักลงทุนในครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจในธุรกิจของบริษัทฯ ด้วยจุดเด่น STC เป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตครบวงจร ภายใต้ตราสินค้า STC ที่มีคุณภาพในพื้นที่ ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า ตลอดจน ทีมงานผู้บริหารและวิศวกรมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์คอนกรีต การบริการอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งมอบผลิตภัณฑ์ตรงต่อเวลา ขณะที่ การบริหารต้นทุนทำที่ดีเยี่ยมทำให้สามารถแข่งขันได้
ทั้งนี้ จึงมั่นใจว่าแผนการขยายการเติบโตและการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จะยิ่งเพิ่มโอกาสและศักยภาพในการแข่งขัน สนับสนุนให้ STC เติบโตได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้น STC ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 196.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.35% กำไรขั้นต้น 58.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.85% กำไรสุทธิ 8.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182.53% อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2562 อยู่ที่ 30.04% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 4.53% เนื่องจากการลงทุนที่ชัดเจนมากขึ้นของภาครัฐ ตามนโยบาย EEC พร้อมทั้ง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในเขตพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง สนับสนุนให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์จากบริษัทฯ มากขึ้น