ILM รุกเปิดแฟรนไชส์ในเวียดนาม ขยายฐานลูกค้าตปท.ต่อเนื่อง คาดหนุนรายได้โตแกร่ง
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเ …
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เปิดเผยว่า บริษัทวางนโยบายขยายธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในต่างประเทศภายใต้โมเดลให้สิทธิ์แฟรนไชส์ แก่พาร์ทเนอร์ในท้องถิ่น ซึ่งเป็นความร่วมมือกับผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญการทำตลาดในประเทศนั้น ๆ โดยที่บริษัทไม่ต้องใช้เงินลงทุนเอง หลังจากที่ขยายการลงทุนในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายการลงทุนในประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งจะยกระดับสินค้าอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ตลอดจนก้าวเป็นสินค้าระดับโกลบอลแบรนด์
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทได้ขยายแฟรนไชส์แล้วใน 7 ประเทศ รวม 16 สาขา ได้แก่ อินโดนีเซีย เนปาล มัลดีฟส์ สปป.ลาว กัมพูชา ปากีสถาน และเมียนมาร์ ล่าสุด บริษัทเข้ารุกตลาดในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และจะส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศและภาพรวมยอดขายของบริษัท
โดยบริษัทให้สิทธิ์แฟรนไชส์แก่ VI Furniture Joint Stock Company บริษัทย่อยของ Vietnam Investment Group (VI Group) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจค้าปลีก อาหาร เครื่องดื่ม แฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และได้ทีมงานที่มีประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์เข้ามาบริหารธุรกิจ ล่าสุด วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ได้เปิดบริการศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์สาขาแรก มีพื้นที่ 990 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนน Nguyen Thi Minh Khai ในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งเป็นถนนสายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนในเดือนธันวาคมนี้ พาร์ทเนอร์ในเวียดนามมีแผนเปิดให้บริการสาขาที่ 2 อย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่ประมาณ 800 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ นอกจากนี้ ยังมีแผนงานขยายสาขาอีก โดยคาดว่าภายในปี 2563 จะมีสาขาเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 6 สาขา เน้นทำเลที่มีศักยภาพในแหล่งช็อปปิ้งและย่านการค้า มีพื้นที่สาขาละ 600-1,000 ตารางเมตร
“การขยายแฟรนไชส์ในเวียดนาม บริษัทจะมีรายได้จาก 2 ส่วน คือ ค่าธรรมเนียมสิทธิ์ในการขาย และกำไรจากการขายสินค้าให้แก่แฟรนไชส์ โดยการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนามน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง รวมถึงเป็นตัวเลือกที่สามารถตอบสนองความต้องการตกแต่งที่อยู่อาศัยของคนเวียดนามได้เป็นอย่างดี” นางสาวกฤษชนก กล่าว
ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 6-7% มาตลอด มีจำนวนประชากรกว่า 96 ล้านคน หรือเกือบ 27 ล้านครัวเรือน มีสัดส่วนประชากรวัยหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก มีรายได้เฉลี่ยประชากรในปัจจุบันอยู่ที่ 2,551 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของเศรษฐกิจ
ขณะที่ภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ในเวียดนามปัจจุบัน มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับปัจจัยบวกจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยปีละ 10.7% โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางและพรีเมียมที่ขยายตัวได้ดี ส่วนแนวโน้มในอีก 5 ปีข้างหน้าคาดว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาจชะลอความร้อนแรงลงบ้าง แต่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดความต้องการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อการตกแต่งและปรับปรุงที่อยู่อาศัยตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
“ปัจจุบันชาวเวียดนามเปิดรับเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์ เช่น สแกนดิเนเวีย, คอนเทมโพรารี่ (ร่วมสมัย) ฯลฯ และเน้นฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้จริงเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ขณะที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์เป็นหนึ่งในแบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากต่างประเทศที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในเวียดนาม โดยมีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท อาทิ ชุดห้องนอน ชุดลิฟวิ่งรูม ชุดครัว ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร ตลอดจนโซฟา และที่นอน ฯลฯ จึงมั่นใจว่าการขยายแฟรนไชส์ในเวียดนามจะเป็นหนึ่งในตลาดต่างประเทศที่มียอดขายสินค้าเติบโตได้ดี” นางสาวกฤษชนก กล่าว