น้ำมันดิบปิดขยับขึ้นหลังดอลล์อ่อนค่า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ ปิดวานนี้ (21 ก.ค.) ที่ 50.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 57.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากที่ดอลลาร์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นักลงทุนจับตาดู EIA จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ ส่วนในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 438,000 บาร์เรล สู่ระดับ 57.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 9.562 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงมาก
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูสถานการณ์การผลิตน้ำมันในอิหร่าน หลังจากนายไบจัน ซันเกเนห์ รัฐมนตรีน้ำมันของอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสู่ระดับที่มีนัยสำคัญ หลังจากประเทศตะวันตกเตรียมยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่านตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุร่วมกันเมื่อเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา อิหร่าน และ 6 ประเทศมหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี และรัสเซีย ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังจากอิหร่านให้คำมั่นว่าจะลดการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม