IRPC เด้งแรง 5% ลุ้นผลงานไตรมาส 4/62 ฟื้นตัว ฟากโบรกฯปรับคำแนะนำ “ซื้อ” เคาะเป้า 4.20 บ.
IRPC เด้งแรง 5% ลุ้นผลงานไตรมาส 4/62 ฟื้นตัว ฟากโบรกฯปรับคำแนะนำ “ซื้อ” เคาะเป้า 4.20 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ณ เวลา 11.04 น. อยู่ที่ระดับ 3.62 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 4.62% สูงสุดที่ระดับ 3.64 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.42 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 408.07 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น IRPC เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังโบรกฯ ประเมินแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2562 จะฟื้นตัว เนื่องจากคาดการณ์ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันลดลง และจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งรับรู้ข่าวผลประกอบการไตรมาส 3/2562 ที่ประกาศออกมามีผลขาดทุนสุทธิ 1,321 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/2561 ที่มีกำไรสุทธิ 2,560 ล้านบาทและไตรมาส 2/2562 ที่มีกำไรสุทธิ 507 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิ 1,333 ล้านบาทไปหมดแล้ว
ด้านนายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศผ่านช่องทางข่าวหุ้นทีวีออนไลน์ และสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) FM 102 MHz. ว่า ผลการดำเนินงานปกติของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/62 โดยรวมแล้วดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/62 แต่มาเจอในเรื่องขาดทุนสต็อกน้ำมันหลังราคาน้ำมันในช่วงไตรมาส 3 ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 61 เหรียญ/บาเรล จากระดับ 67 เหรียญ/บาเรล ในช่วงไตรมาส 2/62
อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วราคาน้ำมันในช่วงไตรมาส 3 จะปรับตัวได้ดี แต่ในส่วนของปิโตรเคมียังถูกกดดันจากประเด็นสงครามการค้าของทางสหรัฐ-จีน
ขณะที่ภาพรวมไตรมาส 4/62 คาดว่าผลการดำเนินงานน่าจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากเรื่องราคาน้ำมันดิบ และสถานการณ์ตลาดโลกคลี่คลาย แต่จะเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่ต้องดูว่าตลาดจะมีทิศทางเชิงบวกมากน้อยแค่ไหน รวมถึงราคาน้ำมันเองที่หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเข้ามากระทบ คาดว่าจะยังคงมีเสถียรภาพไปจนถึงสิ้นปีนี้
นายนพดล กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน พอร์ตธุรกิจปิโตรเคมี มีสัดส่วนกำไรราว 60%, ธุรกิจปิโตรเลียมกว่า 30% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจสาธารณูปโภค โดยในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมี บริษัทยังจะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (speciality product) มากขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากกว่าสินค้าปกติ (Commodity) พร้อมกับพัฒนาพลาสติกอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม (Plastic E-Commerce platform) ที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการพัฒนารูปแบบการซื้อขายเม็ดพลาสติกให้ง่ายขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้ขายนำเม็ดพลาสติกจากหลากหลายแบรนด์มาจัดจำหน่าย เพื่อสร้างตัวเลือกที่หลากหลายทั้งด้านคุณภาพและราคาให้กับผู้ซื้อ
ด้านธุรกิจปิโตรเลียม คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเกณฑ์ใหม่ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) กำหนดให้เรือเดินสมุทรใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำ 0.5% จากเดิม 3.5% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 ส่งผลทำให้ความต้องการน้ำมันเตากำมะถันต่ำเพิ่มสูงขึ้นมาก และบริษัทเป็นโรงกลั่นเดียวในประเทศที่มีหน่วยกำจัดกำมะถันในน้ำมันเตา ซึ่งปัจจุบันก็มีการจำหน่ายน้ำมันเตากำมะถันต่ำได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับกว่า 5 หมื่นตัน/เดือน และยังสามารถขยายขีดความสามารถการผลิตได้อีก
ขณะที่ตลาดเอเชียและตะวันออกกลาง มีความต้องการใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำ 9 ล้านตัน/เดือน แต่ซัพพลายในตลาดมีอยู่ราว 4 ล้านตัน/เดือนเท่านั้น ยังขาดอีก 3 ล้านตัน โดยปัจจุบันเป็นช่วงที่ตลาดเรือเริ่มมีความต้องการใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำเข้ามาแล้ว ในสิงคโปร์ก็เริ่มนำน้ำมันเตากำมะถันสูงออกจากถังเก็บและเริ่มทยอยเก็บน้ำมันเตากำมะถันต่ำเข้ามาแทนที่ ซึ่งภาพในเดือน ธ.ค.น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้ ในด้านราคาน้ำมันก็น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากสถานการณ์การค้าในตลาดโลกที่เริ่มคลี่คลาย ซึ่งจะส่งผลให้สต็อกน้ำมันมีแนวโน้มดีขึ้นจากที่ขาดทุนสต็อกน้ำมันในไตรมาส 3/62
ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภคที่ปัจจุบันมีทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้า ท่าเรือ และล่าสุดได้ขยายไปสู่ตลาดนิคมอุตสาหกรรม โดยการร่วมลงทุนกับ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ขณะนี้มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก โดยในปีหน้าจะเน้นเรื่องการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และคาดว่าจะสามารถเริ่มขายพื้นที่ได้ในต้นปี 64 ซึ่งจะทำให้พอร์ตธุรกิจในระยะ 1 ปีข้างหน้าน่าจะมีความน่าสนใจมากขึ้นจากในช่วงระยะสั้นที่พอร์ตธุรกิจจะค่อนข้างนิ่งเป็นส่วนใหญ่
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า ในไตรมาส 4/2562 คาด IRPC จะกลับมาฟื้นตัวดี เพราะมีโอกาสขาดทุนสต๊อกลดน้อยลง และมีกำไรจากการทำการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนข่าวร้ายสะท้อนไปยังหุ้นมากแล้ว พิจารณาได้จากราคาหุ้นมีลักษณะ Underperform เทียบกับ SET และหลักทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน (Peers) แต่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จาก IMO สูงสุดในกลุ่ม เพราะหน่วยการกลั่นสามารถทำ GO yield ได้สูงสุดที่ราว 53% คาดว่ามีส่วนลด (downside) จากธุรกิจ polypropylene ที่จำกัดแล้ว ดังนั้นปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม ถือ ด้วยราคาพื้นฐานเดิมที่ 4.20 บาท