BCP เชื่อไตรมาส 4 ไม่ขาดทุนสต็อกหลังมองราคาน้ำมันดิบ-ค่าการกลั่นไตรมาส 4 ทรงตัว
BCP เชื่อไตรมาส 4 ไม่ขาดทุนสต็อกหลังมองราคาน้ำมันดิบ-ค่าการกลั่นไตรมาส 4 ทรงตัว
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าการกลั่น (GRM) ในไตรมาส 4/62 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 3/62 ที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังมีทิศทางทรงตัวที่ราว 59-61 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งหากยืนอยู่ได้ในระดับดังกล่าวก็เชื่อว่าในไตรมาส 4 จะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกเหมือนในไตรมาส 3 ส่วนการใช้กำลังการกลั่นโดยเฉลี่ยยังอยู่ในระดับ 1.1-1.2 แสนบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินทิศทางราคาน้ำมันได้ เนื่องจากยังมีสถานการณ์หลายอย่างที่ต้องติดตามทั้งในส่วนความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีทิศทางดีขึ้น อีกทั้ง ซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประกาศเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)ในเดือนธ.ค. อาจจะหนุนให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในเดือนธ.ค. ตลอดจนพิจารณาในส่วนของปริมาณและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานทั้งปี 62 คาดว่าจะทำได้ต่ำกว่าปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2.46 พันล้านบาท หลังจากเผชิญค่าการกลั่นที่ไม่ดี ราคาน้ำมันลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่า
สำหรับความคืบหน้าการผลิตแร่ลิเทียมในอาร์เจนตินา คาดว่าจะเริ่มมีผลผลิตจากเหมืองลิเทียม ออกมาในช่วงปลายปี 63 ล่าช้าจากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มได้ในกลางปี 63 เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตแร่ของเหมืองเป็นระดับ 4 หมื่นตัน/ปี จากเดิมที่ 2.5 หมื่นตัน/ปี โดยในส่วนนี้บางจากฯจะได้สิทธิซื้อแร่จำนวน 6 พันตัน/ปี
ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำแร่ดังกล่าวมาผลิตสินค้าปลายทางประเภทใด โดยต้องพิจารณาเปรียบเทียบจากความต้องการของตลาดที่เดิมคาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มเติม แต่ขณะนี้เห็นเพียงกลุ่มลูกค้าเดิมที่เป็นเจ้าใหญ่ของตลาดที่ยังคงมีความต้องการอยู่ พร้อมกันนี้ก็พิจารณาการเป็นเทรดดิ้งแร่ลิเทียมควบคู่กันไปด้วย โดยปัจจุบันราคาแร่ลิเทียมยังทรงตัวอยู่ที่ราว 10,000-12,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน
สำหรับการลงทุนเหมืองแร่ลิเทียม ของ BCP เป็นการลงทุนผ่านการถือหุ้น 15.8% ใน Lithium Americas Corp. (LAC) ขณะที่ LAC เป็นผู้ถือหุ้น 50% ร่วมกับ Ganfeng Lithium ถือหุ้นอีก 50% ใน Minera Exar ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเหมืองแร่ลิเทียมในอาร์เจนตินา นอกจากนี้ LAC ยังถือหุ้น 100% สำหรับการพัฒนาเหมืองแร่ลิเทียมอีกแห่งหนึ่งในรัฐ Nevada ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
อนึ่ง LAC เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโตประเทศแคนาดา ประกอบธุรกิจเหมืองแร่ลิเทียม เพื่อผลิตเป็นลิเทียมคาร์บอเนตและลิเทียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่กำลังเติบโตอย่างมาก ประกอบด้วยรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน ตลอดจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดพกพาต่าง ๆ