สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 พ.ย. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 พ.ย. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ขานรับสัญญาณบวกในการเจรจาการค้า หลังจากสหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่าย โดยความคืบหน้าดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งในกลุ่มนี้มีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,674.80 จุด เพิ่มขึ้น 182.24 จุด หรือ +0.66% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,085.18 จุด เพิ่มขึ้น 8.40 จุด หรือ +0.27% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,434.52 จุด เพิ่มขึ้น 23.89 จุด หรือ +0.28%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 4 ปี เนื่องจากนักลงทุนขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และการเปิดเผยผลประกอบการเชิงบวกจากบริษัทจดทะเบียนในยุโรป

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.37% ปิดที่ 406.56 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,890.99 จุด เพิ่มขึ้น 24.25 จุด หรือ +0.41%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,289.46 จุด เพิ่มขึ้น 109.57 จุด หรือ +0.83% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,406.41 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด หรือ +0.13%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต หลังจากที่เมื่อวานนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) จำนวน 7 คนจากทั้งหมด 9 คน ลงมติให้ BoE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% แต่อีก 2 คนลงมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,406.41 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด หรือ +0.13%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีความคืบหน้า หลังจากสหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่าย ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ก่อนที่การประชุมโอเปกและชาติพันธมิตรจะเปิดฉากขึ้นในเดือนหน้า

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 57.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 62.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) เนื่องจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำเช่นกัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 26.70 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,466.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.ปีนี้

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 58.8 เซนต์ หรือ 3.34% ปิดที่ 17.01 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 17.7 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 914 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 16.70 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,777.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) ขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซน

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.30 เยน จากระดับ 108.93 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9955 ฟรังก์ จากระดับ 0.9924 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3181 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3183 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1047 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1068 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2820 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2852 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6900 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6878 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button