สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 พ.ย. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 พ.ย. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ที่นิวยอร์กเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก แต่ปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงการที่สหรัฐจะยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการแถลงมุมมองเศรษฐกิจของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 27,691.49 จุด ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันจันทร์ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,091.84 จุด เพิ่มขึ้น 4.83 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,486.09 จุด เพิ่มขึ้น 21.81 จุด หรือ +0.26%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) โดยดีดตัวกลับขึ้นแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 4 ปี เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นเกินคาด และการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.38% ปิดที่ 406.90 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,919.75 จุด เพิ่มขึ้น 25.94 จุด หรือ +0.44%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,283.51 จุด เพิ่มขึ้น 85.14 จุด หรือ +0.65% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,365.44 จุด เพิ่มขึ้น 36.90 จุด หรือ +0.50%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังครั้งใหม่เกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นโวดาโฟนซึ่งเป็นบริษัทเทเลคอมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ช่วยหนุนตลาดด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,365.44 จุด เพิ่มขึ้น 36.90 จุด หรือ +0.50%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของรัฐบาลสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ และการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนาในเดือนหน้า

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 56.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 62.06 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ การที่ภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวก ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,453.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 16.692 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 10.7 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 869.90 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 14.10 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,670.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นในเดือนต.ค. อย่างไรก็ดี ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนและฟรังก์สวิส หลังจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับความไม่ชัดเจนของการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.96 เยน จากระดับ 109.02 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9923 ฟรังก์ จากระดับ 0.9931 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3222 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3223 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1009 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1033 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2855 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2854 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6842 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6852 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button