ILINK ตั้งเป้าปี 63 รายได้โตเกิน 10% พร้อมร่วมประมูลชิงงานใหม่ต่อเนื่อง
ILINK มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้าจาก 3 ธุรกิจหลัก ตั้งเป้าปี 63 รายได้โตเกิน 10% พร้อมร่วมประมูลชิงงานใหม่ต่อเนื่อง เตรียมงบลงทุน 200 ลบ. ขยายคลังสินค้า
นางสาววริษา อนันตรัมพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 63 คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยบริษัทพร้อมประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้ลงนามในสัญญารับงานโครงการนำสายไฟลงใต้ดินในจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่ารวม 170 ล้านบาท นอกเหนือจากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมงบลงทุนเพื่อขยายคลังสินค้าในปีหน้าอีกประมาณ 200 ล้านบาท รวมถึงเตรียมงบลงทุนหลักร้อยล้านบาทขยายธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณเพื่อรองรับงานขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะมีเข้ามาเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 5,485 ล้านบาท โดยมาจาก 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ ธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจวิศวกรรมโครงการพิเศษ ซึ่งทุกธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยปัจจุบัน บริษัทมี Backlog ในธุรกิจวิศวกรรมโครงข่ายรวม 1,700 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมงานใหม่ใน จ.เชียงใหม่ที่เพิ่งได้รับเข้า โดย backlog ดังกล่าวจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 300-400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ภายในปี 63
ส่วนแนวโน้มธุรกิจโทรคมนาคมยังสามารถเติบโตได้ค่อนข้างดี เนื่องจากมีรายได้ในการให้เช่าวงจรสื่อสารความเร็วสูง ทั้งลูกค้าในกลุ่มธนาคาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั่วประเทศ
นอกจากนั้น บริษัทยังได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือกับ บริษัท อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน) หรือ ICN ในนามกิจการร่วมค้าอินเตอร์ลิ้งค์และไอซีเอ็น ในการรับงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสง แบบ Figure-8 Corrugated Steel Type Amour ขนาด 24 Cores ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่า 213 ล้านบาท แบ่งเป็นการดำเนินโครงการของบริษัท 127.80 ล้านบาท และสัดส่วนของ ICN มูลค่า 85.20 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจวิศวกรรมโครงการพิเศษ บริษัทจะพยายามเร่งรัดและสร้างกำไรจากการดำเนินงานก่อสร้างโครงการ Satellite Terminal ของสนามบินสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ยื่นประกวดราคาโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 115 เควี เพื่อทดแทนและเพิ่มความสามารถในการจ่ายไฟฟ้าไปที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี งบประมาณ 1,767 ล้านบาท และเกาะปันหยี จ.พังงา มูลค่า 188 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาคุณสมบัติทางด้านเทคนิคของผู้ยื่นเสนอราคาทั้งหมด คาดว่าจะรู้ผลการประมูลในช่วงปลายปีนี้