“โป๊ปฟรานซิส” ประทานพรชาวไทย ชื่นชมรัฐฯแก้ปัญหาการใช้แรงงานในเด็ก-สตรี
"สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส" ประทานพรชาวไทย พร้อมชื่นชมรัฐบาลแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรง การใช้แรงงานในเด็กและสตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 พ.ย.62) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเฝ้าถวายการต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (His Holiness Pope Francis) ที่ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเสด็จเยือนไทย โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้ประทานพระดำรัสกับพลเอกประยุทธ์ ซึ่งมีใจความสำคัญ ระบุว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฯมีความยินดีที่ได้มาเยือนประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และยังคงรักษามรดกทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรม พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับ
โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้ย้ำถึงความปรารถนาดีต่อราชอาณาจักรไทย และต่อการปกครองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงขอแสดงความเคารพอย่างสูงต่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตลอดจนขออำนวยพรไปยังปวงชนชาวไทยทุกคน
นอกจากนั้น ยังได้ชื่นชมการจัดตั้งคณะกรรมการจริยธรรมและสังคม ที่มีการเชิญผู้แทนจากศาสนาต่างๆในประเทศเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อรับฟังความคิดเห็นในการที่จะรักษาความทรงจำทางจิตวิญญาณอันมีชีวิตของประชาชน พร้อมถือโอกาสนี้กล่าวเกี่ยวกับวิกฤติการณ์การเคลื่อนไหวของผู้ย้ายถิ่นฐาน ซึ่งปัญหาอยู่ที่สถานการณ์ที่ทำให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นเป็นปัญหาด้านจริยธรรมที่สำคัญ และขอสนับสนุนให้ประชาคมระหว่างประเทศ แก้ไขปัญหาที่ผลักดันให้ประชาชนต้องหลบหนีออกจากประเทศของตน และส่งเสริมให้มีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกประเทศจะจัดตั้งกลไกปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของผู้ย้ายถิ่นฐานและผู้อพยพ
ขณะที่ ชื่นชมรัฐบาลไทยที่ได้ดำเนินการแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรง ปัญหาการใช้แรงงานในเด็กและสตรี โดยปีนี้เป็นปีแห่งการครบรอบ 30 ปี ของ “อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก” ซึ่งนับเป็นโอกาสดีในการที่จะไตร่ตรองการวางอนาคตของประชากรของเรา
ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายถึงการส่งเสริมให้สังคมมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งเป็นภารกิจที่ทุกคนสามารถทำได้ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้ขอพระพรจากพระเจ้าให้ประเทศไทย ผู้นำประเทศ และประชาชนชาวไทย ขอให้พระเจ้าทรงนำทุกคน ในหนทางแห่งปัญญา ความยุติธรรม และสันติสุข
ขณะที่ในวันนี้ (21 พ.ย.62) สมเด็จพระสันตะปาปาฯ มีกำหนดเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อแสดงถึงความสำคัญและความเร่งด่วนในการสร้างมิตรภาพระหว่างศาสนา เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของสังคม จากนั้นในช่วงเย็นวันนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีหมายกำหนดการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ก่อนเสด็จประกอบพิธีมิสซา ที่สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ตามลำดับ