“รมว.พลังงาน” อัดฉีดแสนล้านเดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน วางเป้ากำลังผลิต 1,000MW
"รมว.พลังงาน” อัดฉีดแสนล้านเดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน วางเป้ากำลังผลิต 1,000MW คาดเริ่มก่อสร้างและเข้าระบบได้ในปี 2565
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ว่า ขณะนี้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ ได้ยกร่างหลักเกณฑ์และแนวทางการร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนเสร็จแล้ว โดยจัดทำรายละเอียดที่ครบสมบูรณ์และได้นำข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ได้รับจากเวทีรับฟังความความคิดเห็นมาปรับปรุงให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนและประชาชน
โดยหลังจากนี้ พพ.เตรียมนำเสนอร่างหลักเกณฑ์ฯ นี้ต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2563
“โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ถือเป็นการพลิกมิติด้านพลังงานครั้งสำคัญ เป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศสามารถเป็นเจ้าของพลังงานได้ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ยกระดับชุมชนสู่การเป็นผู้ผลิต ผู้ใช้ และผู้จำหน่ายไฟฟ้า ขณะนี้จึงได้รับความสนใจอย่างมากมาย มีองค์กรท้องถิ่นและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพลงทุน สอบถามเข้ามายังกระทรวงพลังงานอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ร่างหลักเกณฑ์ฯ ที่กำลังจะออกมานี้จึงถือเป็นการสร้างความชัดเจนให้ทุกฝ่ายได้ดำเนินงานขั้นต่อไป” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มว่า ขนาดของโรงไฟฟ้าชุมชนแต่ละแห่งนั้นจะเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (vspp) มีขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์/โรง โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท/เมกะวัตต์ ซึ่งนโยบายของกระทรวงพลังงาน มีเป้าหมายจะส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนรวมทั้งสิ้น 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากคิดเป็นเม็ดเงินลงทุนในภาพรวมไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทนี้และเข้าระบบได้ในปี 2565
ทั้งนี้ ในส่วนของรูปแบบการขายไฟฟ้าคืนกลับมายังภาครัฐนั้น รมว.พลังงาน ระบุว่า ได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เตรียมข้อมูลปริมาณความต้องการไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาคไว้แล้วว่าในแต่ละพื้นที่มีความต้องการไฟฟ้ามากน้อยอย่างไร พร้อมวางระบบสายส่งที่มีศักยภาพ ส่วนการเปิดการรับซื้อไฟฟ้าจะเป็นหน้าที่ของ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งปัจจุบันได้มีการเตรียมความพร้อมเบื้องต้นไว้ระดับหนึ่ง จึงมั่นใจว่าโครงการนี้จะมีความพร้อมดำเนินการ และสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างเป็นระบบ