TU วอลุ่มแน่น-บวกคึก8% คาดเก็งฯช่วงสั้นหลังราคาลงลึก ฟากโบรกฯแนะถือเป้า 12.50 บ.
TU วอลุ่มแน่น-บวกคึก8% คาดเก็งฯช่วงสั้นหลังราคาลงลึก ฟากโบรกฯแนะถือเป้า 12.50 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ณ เวลา 14.45 น.อยู่ที่ระดับ 13.90 บาท บวก 1.00 บาท หรือ7.75% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 237.38 ล้านบาท คาดเก็งกำไรทางเทคนิคหลังเป็นขาลงมานาน 4 เดือนโดยนับตั้งแต่หุ้นอ่อนตัวจากระดับ 19.40 บาท เมื่อวันที่22 ก.ค.62
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แนะแค่ “ถือ” TU โดยมีมุมมองเป็นกลางจากข่าวการล้มละลายของ Bumble Bee ซึ่งสะท้อนการแข่งขันสูงในธุรกิจทูน่ากระป๋อง รวมถึงความกังวลด้านคดีความต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการประสบ โดยคาดว่า TU จะไม่ได้ประโยชน์มากนักจากการที่คู่แข่งอย่าง Bumble Bee เข้าสู่การล้มละลาย
เนื่องจากคาดว่า Bumble Bee จะไม่ได้หยุดดำเนินการ เพราะในขณะนี้บริษัท FCF Fishery Co.,Ltd. จากไต้หวันได้แสดงตัวที่จะเข้ามาซื้อกิจการ และการดำเนินงานของ Bumble Bee ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งทำให้การแข่งขันในธุรกิจทูน่ากระป๋องยังสูงต่อไป
ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง Starkist และ Bumble Bee โดนปรับจากคดี price-fixing ยังคงสร้างความกังวลมาถึง TU แม้ว่า TU จะแจ้งว่าบริษัทถูกกันไว้เป็นพยานภายใต้เงื่อนไข Conditional Leniency ทั้งนี้ ยังไม่สามารถสรุปผลกระทบจากคดีความทั้งหมดในขณะนี้
ทั้งนี้ ได้ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 12.50 บาท อิง 2562E PER ที่ 16x (-0.5SD below 5-yr average PER) ปรับลดลงจากเดิมที่ 15.20 บาท เนื่องจากปรับเป้า PER ลดลงจากเดิมซึ่งอิงที่ค่า PER เฉลี่ย 19.5x เพราะธุรกิจทูน่ามีการแข่งขันที่สูงและการบริโภคต่อหัวลดลงประมาณ 40% ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีสินค้าอื่น ๆ มาทดแทน ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงคือการตั้งสำรองค่าชดเชยคดีความที่อาจจะมีเพิ่มขึ้นได้
โดยยังคงประเมินกำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท (+14% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยบริษัทผ่านพ้นช่วงไตรมาส 3/62 ซึ่งเป็น High season ที่ผู้บริโภคในยุโรปนิยมทานอาหารนอกบ้าน ขณะที่ไตรมาส 4/62 จะอ่อนลงตามฤดูกาล ราคาทูน่าลงไปต่ำมากที่ 900 เหรียญสหรัฐต่อตันในเดือน ต.ค.อาจจะทำให้ลูกค้าต่อรองราคาขายมากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 15% ใน 1 เดือนที่ผ่านมาจากความกังวลเรื่องข้อพิพาทต่างๆ TU ยังอยู่ภายใต้ความกังวลที่อาจจะต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น