บล.เคที ซีมิโก้ มอง SET เป็นขาลงช่วง H2 รับศก.ในปท.ชะลอ ทั้งปี 1,480 จุด
บล.เคที ซีมิโก้ มอง SET เป็นขาลงช่วง H2 รับศก.ในปท.ชะลอ ทั้งปี 1,480 จุด
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า คาดดัชนีหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเป็นขาลง เป็นผลจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตได้ไม่เกิน 3%
ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนก.ย. หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยจริง จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย ที่มีโอกาสปรับตัวลงต่อไปอีกในระยะสั่นหรือประมาณ 2 เดือน โดยประเมินดัชนีช่วงสั้นจะอยู่ที่ระดับ 1,400-1,420 จุด ขณะที่ทั้งปีมองดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 1,480 จุด บนสมมติฐานกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เติบโตได้ 15%
นายเจริญ กล่าวว่า ตลาดยังรอการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องของการเมืองในประเทศ ซึ่งจะเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ภาคเอกชน และประชาชนกลับคืนมา ซึ่งคาดว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจริง จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นทางเทคนิค หรือปรับขึ้นไป 30-40 จุด อีกทั้งครึ่งปีหลังนี้ก็จะเริ่มเห็นการออกทิกเกอร์ฟันด์กองใหม่ ,LTF ,RMF มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเข้าลงทุนในจังหวะที่ตลาดปรับตัวลง และรอการขึ้นต่อ รวมถึงยังเชื่อว่าในไตรมาส 4/58 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของหลายธุรกิจ ที่จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)กลับมาดีได้อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการลงทุนในหุ้นรายตัวช่วงครึ่งปีหลัง บล.เคที ซีมิโก้ มองการลงทุนใน 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มพลังงานหรือปิโตรเคมี อย่างหุ้นบมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTCG) ,บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่วนหุ้นที่มองว่ายังไม่น่าลงทุนคือ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) กับ บมจ.ปตท.(PTT) จากราคาน้ำมันที่ลดลง หลังอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับชาติมหาอำนาจได้ ทำให้สามารถผลิตและส่งออกน้ำมันได้ โดยอิหร่านยังมีน้ำมันที่รอขายอยู่ราว 20 ล้านบาร์เรล คาดว่าราคาน้ำมันดิบ ณ สิ้นปี 58 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ขณะที่ยังมองหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยตัวเด่นจะเป็นบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ซึ่งมีผลประกอบการดีกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มสื่อสารด้วยกัน และยังมีการจ่ายเงินปันผลที่สูง น่าจะเหมาะกับการซื้อเพื่อรับปันผล รองลงมามอง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) โดยจะเห็นได้ว่าบริษัทเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ยังไม่น่าลงทุน
พร้อมกันนี้ยังแนะนำหุ้นกลุ่มรับเหมา-ก่อสร้าง เช่น บมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจแบบ Sub-Contract โดยคาดหวังว่าครึ่งปีหลังนี้ภาครัฐจะเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อลงทุนในโครงการใหญ่ๆเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามแม้ภาครัฐจะไม่สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามที่คาดไว้ ก็อาจจะส่งผลให้เกิดการเลื่อนออกไปสักระยะ เชื่อว่าการลงทุนของภาครัฐจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงมองว่าเป็นจังหวะที่เข้าซื้อไว้ก่อน
นายเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนในหุ้นกลุ่มอื่น เช่น ธนาคารพาณิชย์ สำหรับผู้ที่ถืออยู่ในช่วงนี้ยังไม่เหมาะกับการขายต้องรอจังหวะที่เหมาะสมเมื่อเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น ,หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ถ้าจะลงทุนควรลงทุนในหุ้นที่เป็นคอนโดมิเนียม ที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้า, หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มองบมจ.เอสวีไอ (SVI) มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้น จากไตรมาส 4/58 จะเป็นช่วงไฮซี่ซั่นของธุรกิจ ขณะที่หุ้นอื่นๆในกลุ่มดังกล่าวมีราคาปรับขึ้นมาสูงแล้ว