QTC ย้ำกำไรปีนี้ “ออลไทม์ไฮ” รับแผนบุกตลาดตปท.-เน้นขายสินค้ามาร์จิ้นสูง

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) หรือ QTC เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดการณ์รายได้ปี 63 จะไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือฯ(Backlog) ราว 440 ล้านบาท แบ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ 120 ล้านบาท และในประเทศ 320 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ทั้งหมดในปีหน้า

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน ที่คาดว่าจะออกมาอย่างต่อเนื่องตามการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ที่จะทำให้ความต้องการใช้สินค้าของบริษัทฯ มีการเติบโต ขณะที่ตลาดต่างประเทศบริษัทฯ ก็จะเน้นการบุกตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะในสหภาพยุโรปที่ปัจจุบันเริ่มมีการเข้าไปเจรจาแล้ว

นอกจากนี้  บริษัทฯ ยังจะมีรายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่าย Huawei Solar Inverter ผลิตภัณฑ์แปลงไฟฟ้ากระแสตรง(DC) ให้เป็นกระแสสลับ(AC) จากแผงโซลาร์เซลล์ ที่จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของผลประกอบการอีกทางหนึ่งด้วย

 

“ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจต่างๆที่มีความผันผวนมาก การดำเนินกิจการต่างๆ บริษัทจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น และเรายังคงจะเน้นการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเป็นหลัก ไม่เน้นการเติบโตของรายได้เพื่อที่จะรักษาระดับการทำกำไรเหมือนในปีนี้” นายพูลพิพัฒน์ กล่าว

 

ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการในปี 62 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ที่ราว 1,000 ล้านบาท และจะมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังจากที่ 9 เดือนที่ผ่านมามีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดที่ 152.55 ล้านบาท จากที่เคยทำไว้ 118 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไร(มาร์จิ้น) สูง และเน้นการบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วย โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากภาคเอกชน 35-40% จากภาครัฐ 25-35% และส่งออก 25-30%

นายพูลพิพัฒน์ ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว กำลังการผลิต 164 เมกะวัตต์ (MW) ว่าได้เข้าตรวจสอบการเงินต่าง ๆ ภายในบริษัทดังกล่าวแล้ว และในสัปดาห์นี้จะยื่นเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯพิจารณาว่าจะเข้าลงทุนหรือไม่ เบื้องต้นบริษัทฯ มีเงินสดในมือราว 300 ล้านบาทพร้อมสำหรับการลงทุนได้ทันที  ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็ยังศึกษาเข้าลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา เป็นต้น