SFLEX พร้อมเทรด 19 ธ.ค.นี้ โบรกฯเคาะเป้าสูง 6.48 บ. การันตีพื้นฐานดี!
SFLEX พร้อมเทรด 19 ธ.ค.นี้ โบรกฯเคาะเป้าสูง 6.48 บ. การันตีพื้นฐานดี!
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX เปิดเผยถึงความเชื่อมั่น SFLEX เป็นหุ้นน้องใหม่ไอพีโอพื้นฐานดี โดยเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้กำหนดราคาไอพีโอไว้ที่ 3.88 บาทต่อหุ้น เมื่อเปรียบเทียบราคาเป้าหมายที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายประเมินไว้ที่ 5.40-6.48 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานและสภาวะของตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบันอย่างมาก ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนความน่าสนใจในการลงทุนหุ้น SFLEX
โดยบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ 8 แห่ง ที่ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น SFLEX ประเมินราคาเป้าหมายปี 2563 ของ SFLEX มีช่วงราคาอยู่ที่ 5.40 – 6.48 บาทต่อหุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นในธุรกิจและโอกาสการเติบโต ระบุเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภครายใหญ่ของประเทศไทย
สำหรับมีจุดแข็ง คือ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจ ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพ และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนลูกค้า ความรวดเร็วในการส่งมอบงาน จึงสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในระดับสากล และสามารถครองใจลูกค้ามายาวนาน เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาวได้
ด้าน นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์มาเป็นเวลานานกว่า 32 ปี จึงมีความรู้ความเชี่ยวชาญและความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจอย่างลึกซึ้ง และมองว่านี่เป็นจังหวะที่ดีของธุรกิจ บริษัทฯ พร้อมจะขยายการเติบโตเพื่อความยั่งยืนในอนาคต
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะเพิ่มศักยภาพในการผลิต การแข่งขัน และโอกาสในการขยายตลาดตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ปัจจุบัน ลูกค้าหลักของบริษัทฯ ได้แก่ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคชั้นนำของประเทศ เช่น บริษัท นีโอแฟคทอรี่ จำกัด, บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด, บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด, บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไอ.พี. แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นต้น
โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนยอดขายหลักมาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภค คิดเป็นสัดส่วน 80-85% ของรายได้จากการขาย ขณะที่ บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าบริโภคมียอดขายคิดเป็นสัดส่วน 15-20% จึงมองว่า มีโอกาสขยายตลาดสินค้าบริโภคได้อีกมาก นอกเหนือจากตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนในประเทศ บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV
“บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายตลาดไปยังบรรจุภัณฑ์กลุ่มอาหารเพิ่มขึ้นในปี 2563 เนื่องจากตลาดบรรจุภัณฑ์สำหรับการบริโภคมีมูลค่าตลาดใหญ่กว่ากลุ่ม Non-Food ควบคู่การขยายช่องทางไปยังตลาดใหม่ๆ ในขณะที่จะรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดี ซึ่งเป็นผลจากการที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานที่ 2 รวมถึงสามารถบริหารต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการนำเงินที่ได้จาก IPO ประมาณ 95 ล้านบาท ไปชำระคืนเงินกูยืมจากสถาบันการเงิน ทำให้ช่วยประหยัดต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ลงได้อีกด้วย” นายปรินทร์ธรณ์ กล่าว
สำหรับ บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ 8 แห่ง ประเมิน SFLEX มูลค่าเหมาะสมปี 2563 มีช่วงราคาอยู่ที่ 5.40 – 6.48 บาทต่อหุ้น ดังนี้