“เพลินวาน” ร่อนจดหมายประกาศปิดกิจการส่งท้ายปี หลังขาดทุนอ่วมเซ่นพิษเศรษฐกิจ!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ธ.ค.62) ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพจดหมายของผู้บริหาร เพลินวาน สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ อ.เมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แจ้งผู้เช่าเรื่องบอกเลิกสัญญาเช่า/ให้บริการพื้นที่ เนื่องจากบริษัทฯเตรียมปิดกิจการ เพราะประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจและภาวะขาดทุน โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป

โดยทางด้าน ภัทรา สหวัฒน์  ผู้บริหารบริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ VNG  ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักรเพลินวาน ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า

“ก้าวแรกของเพลินวานเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 12 ปีที่แล้ว จากความคิดที่อยากนำความเชื่อและความชอบมาทำเป็นธุรกิจเพื่อสังคม โดยไม่คาดหวังใดๆ นอกจากมีความสุขที่ได้ทำ สิ่งที่เราได้กลับมาประเมินค่าไม่ได้ มันคือความสุขที่สัมผัสได้จากชุมชนของเรา ทั้งคู่ค้าและลูกค้าที่สนับสนุนเพลินวานมาโดยตลอด

ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เราทุกคนได้เรียนรู้ ได้สร้างประสบการณ์ร่วมกัน ได้ส่งต่อแรงบันดาลใจ และได้รู้สึกภูมิใจที่ได้คิดงานอยู่บนพื้นฐานความเป็นไทย แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง เพลินวานกำลังจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีและเป็นโรงเรียนที่เราจะไม่ลืม วันนี้ เราจะขอปิดฉากเวทีนี้ เพื่อเวทีต่อไป ที่ยังจะทำประโยชน์ต่อสังคม จากความเชื่อและความชอบเดิมที่วันนี้มันกลายเป็นความรัก

ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ขอบคุณทุกๆ คนที่รักเพลินวานและสนับสนุนเรามาตลอด เพลินวานกำลังดำเนินการเป็นวันสุดท้ายในวันที่ 31 มกราคม 2020 อยากให้ทุกคนแวะมาเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ และขอให้ทุกคนคอยให้กำลังใจพวกเราในการเดินทางสู่ความท้าทายข้างหน้า จนกว่าจะพบกันใหม่

ระหว่างนี้ หากคิดถึงกัน พบกันที่เพลินวานพาณิชย์ สาขา ทองหล่อ13, สาขา เดอะสตรีท รัชดา, สาขา สถาบันประสาทวิทยา, สาขา ล้ง1919, และสาขา หัวหิน (ที่อยู่ใหม่เร็วๆนี้) ซึ่งยังคงเปิดให้บริการอยู่เหมือนเดิมทุกสาขา”

 

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบผลประกอบการของ บริษัท เพลินวาน จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเพลินวาน หัวหิน และ ร้านเพลินวานพาณิชย์ ถือหุ้นและบริหารงานโดย “ภัทรา สหวัฒน์” พบว่า ผลประกอบการย้อนหลังจากปี 2558-2560 ขาดทุนต่อเนื่อง โดยในปี 2558 มีรายได้ราว 36.75 ล้านบาท ขาดทุน 6.36 ล้านบาท

และในปี 2559 มีรายได้ 38.96 ล้านบาท ขาดทุน 21.57 ล้านบาท โดยปี 2560 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่ส่งงบการเงิน พบว่า มีรายได้สูงขึ้นเป็น 44.66 ล้านบาท แต่ก็ขาดทุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยขาดทุนหนักถึง 36.11 ล้านบาท