“ล็อกซเล่ย์” ปรับองค์กรสู้ศก. ฝ่ายบริหารโชว์สปิริตลดเงินเดือน 35% จำต้องลดพนักงาน 150 คน
“ล็อกซเล่ย์” ปรับโครงสร้างองค์กรสู้เศรษฐกิจ ฝ่ายบริหารโชว์สปิริตลดเงินเดือน 35% จำเป็นต้องลดพนักงาน 150 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.62 กรุงเทพธุรกิจ นายสุรช ล่ำซํา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญของล็อกซเล่ย์ ตั้งแต่การปรับทัพผู้บริหารและโครงสร้างองค์กรใหม่หมด ตั้งทีมสกรีนงาน ย้ำภาพธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้น ผันตัวสู่การเป็นโฮลดิ้งคอมพานี รับรายได้จากบริษัทลูกที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลาย ผ่าน 5 สายธุรกิจหลัก ลบภาพความหลากหลาย สร้างกำไรอย่างยั่งยืน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนยากจะคาดเดา
โดย นายสุรช กล่าวว่า การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ขาดทุนในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นการขาดทุนจากการตั้งสำรองเงินไว้ใช้ในโครงการประมูลก็ตาม
“ต้องบอกว่า ไตรมาสที่ 3 เราขาดทุนเยอะ เรียกว่าหนักสุดในรอบหลายปี แต่ไตรมาส 4 จะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉลี่ยทั้งปี 62 ล็อกซเล่ย์คาดว่า จะขาดทุนประมาณ 500 ล้านบาท ด้วยโปรเจคท์ต่างๆ ที่ทำบางตัวดีเลย์ แต่เรายังมองว่า ปีหน้ายังมีโอกาสในธุรกิจที่เราเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ที่จะทำกำไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะตัวโครงการที่ดีเลย์ปีนี้ หากเดินหน้าได้ทั้งหมด จะทำให้เรามีกำไรกลับมาดีขึ้นในปีหน้าไปจนถึงปี 64 ซึ่งปี 63 เราตั้งเป้ารายได้ไว้ประมาณ 15,000 ล้านบาท ก็ใกล้เคียงกับปีนี้”
ทั้งนี้ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ล็อกซเล่ย์เริ่มโฟกัสธุรกิจออกมาเป็น 5 แกนหลักที่สร้างรายได้และกำไรให้บริษัทเป็นหลัก โดยเฉพาะธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และมีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจไอที ธุรกิจเน็ตเวิร์ก โซลูชั่น ธุรกิจบริการ และธุรกิจอาหารและการจัดจำหน่าย ขณะที่ยังมีโครงการแบ็คล็อก และโครงการที่มี High Potential รับรู้รายได้อีกราว 1.9 หมื่นล้านบาท อยู่ในกลุ่มไอทีราว 7-8 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันหันมาโฟกัสกลุ่มลูกค้าเอกชนมากขึ้น
ปัจจุบัน ล็อกซเล่ย์มีรายได้จากกลุ่มไอทีมากที่สุดราว 24% เทรดดิ้ง(อาหารและจัดจำหน่าย) 20% พลังงาน 15% บริการ 20% และเน็ตเวิร์ก โซลูชั่น 19% โดยเฉพาะกลุ่มไอที เป็นตัวที่สร้างกำไรให้ล็อกซเล่ย์ราว 30%
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวดังกล่าวอาจไม่เพียงพอที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ทั้งผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศ การแข่งขันที่รุนแรง และกระแส Technology Disruption ที่บีบให้ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ล็อกซเล่ย์จึงต้องปรับตัวอีกครั้ง ซึ่งต้องเป็นการทำอย่างรวดเร็วและเห็นผลกระทบชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญต่อองค์กรโดยรวม
ซึ่งการปรับโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจน ได้แก่ การปรับโครงสร้างคณะกรรมการ จากเดิมที่มีคณะกรรมการบริหาร 3 คณะ คือ คณะกรรมการจัดการ (Management Board) คณะกรรมการบริหาร (Executive Board) และคณะกรรมการบริษัท (Board of Director) มาเป็นโครงสร้างใหม่ คือ การควบรวมคณะกรรมการจัดการและคณะกรรมการบริหารเข้าด้วยกัน พร้อมกับลดจำนวนคณะกรรมการต่างๆให้มีความเหมาะสม แต่ยังคงสอดคล้องและเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติ โดยคาดว่าการปรับลดคณะกรรมการ และจำนวนกรรมการดังกล่าว จะช่วยให้การบริหารมีความคล่องตัวมากขึ้น
นายสุรช กล่าวเพิ่มเติ่มว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นการปรับทั้งในมุมของคณะกรรมการ ผู้บริหาร ตัดลดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร หรือมีความซ้ำซ้อน นำมารวมเข้าด้วยกัน แต่การลดพนักงานในครั้งนี้ไม่กระทบกับหน่วยงานที่สร้างรายได้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ดูแลระบบหลังบ้าน และในธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ไม่มีโอกาสเติบโตราว 150 ราย รวมถึงการปรับลดเงินเดือนผู้บริหารระดับสูงกว่า 35% ทำให้ในปีหน้าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้ราว 200 ล้านบาท