“ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.” ชี้บาทแข็งกระทบสินค้าเกษตร ตัวเลขส่งออก “ข้าวเปลือกหอมมะลิ” ลดฮวบ 13%
“ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.” เผยแนวโน้มราคาสินค้าเกษตร ปี 63 ข้าวเปลือกหอมมะลิ” ลดฮวบ 13% ชี้ปัจจัยบาทแข็งกระทบตัวเลขส่งออก
นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในช่วงเดือน ม.ค.63 ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาขายอยู่ที่ 13,668-13,976 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.04-2.29% เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว ประกอบกับ สต็อกของผู้ประกอบการไม่เพียงพอต่อการใช้ในประเทศและการส่งออก
โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาขายอยู่ที่ 7.96-8.08 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1-2.5% เนื่องจากเป็นช่วงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 2 ในช่วงฤดูแล้ง (ปลูกในช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์) ทำให้ปริมาณผลผลิตในตลาดมีน้อย
ด้านน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาขายอยู่ที่ 13.50 – 13.64 เซนต์/ปอนด์ (8.99 – 9.09 บาท/กก.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1- 2% เนื่องจากยังคงมีแรงซื้อจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ผลผลิตน้ำตาลตลาดโลกในฤดูการผลิตปี 2562/63 ที่มีแนวโน้มลดลง จากปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลให้ผลผลิตลดลง
อย่างไรก็ตาม ปริมาณสต็อกน้ำตาลโลกคงค้างอยู่ประมาณ 80 ล้านตัน และในปี 2562/63 รัฐบาลอินเดียอุดหนุนผู้ส่งออกน้ำตาล 6 ล้านตัน ยังเป็นปัจจัยกดดันให้ทิศทางราคาน้ำตาลปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก
ส่วนยางพาราแผ่นดิบ ราคาอยู่ที่ 38.54 – 38.61 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.03-0.2% เนื่องจากภาครัฐเตรียมดำเนินโครงการผลิตหมอนยางพาราประชารัฐ จำนวน 30 ล้านใบ มูลค่า 18,000 ล้านบาท เพื่อช่วยดูดซับผลผลิตยางพาราออกจากระบบจำนวน 150,000 ตัน ประกอบกับปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางพาราสำคัญ ทำให้อุปทานออกสู่ตลาดลดลง
ปาล์มน้ำมัน ราคาขายอยู่ที่ 4.88 – 5.08 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7.25 – 11.65% เนื่องจากเป็นช่วงต้นปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตน้อย ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ประกอบกับมีมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบได้ค่อนข้างมาก
สุกร ราคาขายอยู่ที่ 62.00 – 64.50 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.75 – 4.83% เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับการส่งออกขยายตัวเพื่อรองรับความต้องการเนื้อสุกรจากประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบภาวะขาดแคลนสุกรจากปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกา (ASF)
และกุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัว/กก. ราคาขายอยู่ที่ 150 – 160 บาท/กก. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน 1.35 – 8.10% เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนและอุณหภูมิลดต่ำลง ทำให้กุ้งเติบโตช้า ส่งผลให้ปริมาณกุ้งเข้าสู่ตลาดน้อยลง
ส่วนทางด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับลดลง คือ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาขายอยู่ที่ 7,625-7,633 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 0.93-1.04% เนื่องจากเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ขณะที่สกุลเงินประเทศคู่แข่งขันอ่อนค่าลง ทำให้ราคาข้าวเปลือกเจ้าของไทยแพงกว่าประเทศคู่แข่งขัน อาทิ ประเทศเวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา
ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาขายอยู่ที่ 13,142-13,507 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 0.16-2.86% เนื่องจากเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และความต้องการนำเข้าของประเทศฮ่องกงมีแนวโน้มลดลงจากเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.62 มูลค่าการส่งออกข้าวหอมมะลิของไทยไปฮ่องกงลดลง 13.33%
และมันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.93-1.98 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน 0.50-3.02% เนื่องจากเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต ส่งผลให้ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่การส่งออกไปต่างประเทศมีแนวโน้มลดลงจากผลกระทบของเงินบาทแข็งค่า ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้ราคามันสำปะหลังภายในประเทศลงต่ำลง