หุ้นรพ.รูดหนัก โบรกฯแนะเลี่ยง! วิตกปมหั่นชดเชยประกันสังคมโรครักษายาก-ตวอ.กลางตึงเครียด

หุ้นรพ.รูดหนัก โบรกฯแนะเลี่ยง! วิตกปมหั่นชดเชยประกันสังคมโรครักษายาก-ตวอ.กลางตึงเครียด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 10.54 น. ราคาหุ้น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS อยู่ที่ 24.90 บาท ลบ 0.35 บาท หรือ 1.39% สูงสุดที่ 25.25 บาท ต่ำสุดที่ 24.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 737.76 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH อยู่ที่ 15.40 บาท ลบ 1.10 บาท หรือ 6.67% สูงสุดที่ 15.70 บาท ต่ำสุดที่ 15 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 368.99 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG อยู่ที่ 2.44 บาท ลบ 0.10 บาท หรือ 3.94% สูงสุดที่ 2.46  บาท ต่ำสุดที่ 2.42 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 80.86 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH อยู่ที่ 137.50 บาท ลบ 4 บาท หรือ 2.83% สูงสุดที่ 140 บาท ต่ำสุดที่ 137.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 78.72 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA อยู่ที่ 1.74 บาท ลบ 0.03 บาท หรือ 1.69% สูงสุดที่ 1.76 บาท ต่ำสุดที่ 1.73 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.96 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG อยู่ที่ 25.75 บาท ลบ 0.50  บาท หรือ 1.90% สูงสุดที่ 25.75 บาท ต่ำสุดที่ 25.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 8.41 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 อยู่ที่ 8.25 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 0.60% สูงสุดที่ 8.30 บาท ต่ำสุดที่ 8.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.38 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH อยู่ที่ 24.90 บาท ลบ 0.10 บาท หรือ 0.40% สูงสุดที่ 24.90 บาท ต่ำสุดที่ 24.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.99 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH อยู่ที่ 6.75 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 0.74% สูงสุดที่ 6.80 บาท ต่ำสุดที่ 6.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 3.28 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH อยู่ที่ 4.82 บาท ลบ 0.04 บาท หรือ 0.82% สูงสุดที่ 4.84 บาท ต่ำสุดที่ 4.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 0.41 ล้านบาท

 

ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ สำนักงานประกันสังคม ได้ทำหนังสือเลขที่ รง. 0626/ว 13438 ลงวันที่ 25 ธ.ค. 2562 ถึงผู้อำนวยการสถานพยาบาลในโครงการประกันสังคมทุกแห่ง โดยอ้างถึงหนังสือสำนักงานประกันสังคม เลขที่ รง. 0626/ว 1657 ลงวันที่ 22 มี.ค. 62 ที่กำหนดจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (Adjusted RW >= 2) ให้แก่สถานพยาบาลในโครงการประสังคมในอัตรา 12,800 บาท ต่อ 1 Adjusted RW แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินที่คำนวณจากจำนวนผู้ประกันตนทั่วประเทศในแต่ละปีคูณด้วยอัตรา 640 บาท/คน/ปี

ทั้งนี้สำนักงานสังคมชี้แจงว่าวงเงินงบประมาณคงเหลือในปี 2562 ตามกรอบวงเงินดังกล่าวข้างต้น ไม่เพียงพอที่จะจ่าย 5 เดือนหลังของปี 2562 ในอัตรา 12,800 บาท/1 Adjusted RW จึงปรับลดการจ่ายเงิน 5 เดือนสุดท้ายของปี 2562 เหลืออัตราละ 7,100 บาท/1 Adjusted RW และหากจ่ายเงินค่าบริการการแพทย์ครบทุกรายการ และสิ้นปีมีเงินงบประมาณคงเหลือจะพิจารณาจ่ายค่าบริการการแพทย์เพิ่มเติมให้ในภายหลัง

ดังนั้นจึงถือว่าเป็นปัจจัยลบกดดัน หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคม ซึ่งเดิมคาดหวังว่าจะมีการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัวในปี 2563 เนื่องจากไม่ได้ปรับขึ้นเป็นเวลา 2 ปีครึ่งแล้ว แต่กลับมีข่าวลบ ที่กระทบต่อผลประกอบการของกลุ่มโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมงวดไตรมาส 4/62 แม้ในปีก่อนสำนักงานประสังคมมีการปรับลดอัตราการจ่ายเงินค่า Adjusted RW เช่นกัน แต่ปรับลดเพียง 3 เดือน และปรับลดในอัตราที่น้อยกว่าปีนี้ คือ 8,100 บาท/1 Adjusted RW

ทั้งนี้ด้วยผลดังกล่าวทำให้โรงพยาบาลในโครงการประสังคมได้รับผลกระทบจากการได้รับเงินค่าบริการผู้ป่วยในด้วยโรคที่ค่ามีใช้จ่ายสูงในงวดไตรมาส 4/62 ลดลงจากปีก่อน 1,000 บาท/1 Adjusted RW และยังต้องกลับรายการรายได้ในงวดไตรมาส 3/62 ของเดือนส.ค.-ก.ย. 2562 ที่บันทึกที่ Adjusted RW ละ 12,800 บาท เหลือ 7,100 บาท ส่งผลกระทบให้กำไรสุทธิงวด ไตรมาส 4/62 ของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการประสังคมมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จึงแนะนำให้ หลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมทุกโรงพยาบาล อาทิ BCH, CHG, RJH, LPH ไปก่อนชั่วคราว เนื่องจากราคามีโอกาสปรับตัวลงจากผลกระทบกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/62 ที่น่าผิดหวัง

อย่างไรก็ตาม บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การปรับตัวลงของราคาหุ้น ไม่ใช่สาเหตุจากปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยน มองเป็นโอกาสสะสม โดยเมื่อวันศุกร์ (3 ม.ค.20) ราคาหุ้นของ 6 โรงพยาบาลที่ศึกษา (BDMS, BH, BCH, CHG, THG, VIBHA) ปรับตัวลงค่อนข้างแรง โดยเฉพาะ BDMS และ BH ส่วนกลุ่ม โรงพยาบาลขนาดกลางปรับตัวลง 2-3%

ทั้งนี้ตรวจสอบกับโรงพยาบาลที่ศึกษาส่วนใหญ่ ไม่พบว่ามีปัจจัยลบใหม่ต่อปัจจัยพื้นฐานบริษัท ทั้งราคาหุ้นที่ปรับลงน่าจะเกิดจากนักลงทุนบางส่วนขายทำกำไรเพื่อเปลี่ยนกลุ่มลงทุน (Sector rotation) เนื่องจากช่วงไตรมาส 4/62 ราคาหุ้น โรงพยาบาลที่ศึกษาส่วนใหญ่ปรับขึ้นดีกว่า SET นำโดย BH (15.7%) ปรับขึ้นเด่นกว่า BDMS (8.3%) ส่วน โรงพยาบาลขนาดกลาง THG (15.8%) ปรับขึ้นมากสุด รองมาเป็น BCH (8.9%)

ขณะที่ประเด็นผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษของอิหร่านถูกสังหาร มองว่าเป็น sentiment ลบต่อ BDMS และ BH เนื่องจากอาจกังวลต่อสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง จะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางมารักษา ซึ่งกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเป็นลูกค้าหลักของ BDMS (สัดส่วนรายได้ 6%) และ BH (สัดส่วนรายได้ 23%)

Back to top button