สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ม.ค. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ม.ค. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันความสนใจออกจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) ท่ามกลางแนวโน้มที่เป็นบวกเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจ หากสถานการณ์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านรุนแรงจนส่งผลให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,703.38 จุด เพิ่มขึ้น 68.50 จุด หรือ +0.24% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,246.28 จุด เพิ่มขึ้น 11.43 จุด หรือ +0.35% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,071.46 จุด เพิ่มขึ้น 50.70 จุด หรือ +0.56%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและอิหร่าน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายขู่ที่จะตอบโต้กัน หลังสหรัฐสังหารนายพลระดับสูงของอิหร่าน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.41% ปิดที่ 416.63 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,013.59 จุด ลดลง 30.57 จุด หรือ -0.51%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,126.99 จุด ลดลง 92.15 จุด หรือ -0.70% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,575.34 จุด ลดลง 47.06 จุด หรือ -0.62%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังสหรัฐขู่ที่จะคว่ำบาตรอิรักและตอบโต้อิหร่าน หากอิหร่านโจมตีสหรัฐเพื่อแก้แค้นที่สหรัฐสังหารนายพลระดับสูงของอิหร่าน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,575.34 จุด ลดลง 47.06 จุด หรือ -0.62%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) และทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด หลังจากกองทัพสหรัฐใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศที่ท่าอากาศยานกรุงแบกแดดของอิรัก จนเป็นเหตุให้ผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของอิหร่านเสียชีวิต

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 63.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2562

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 68.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2562

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างคึกคัก ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย นับตั้งแต่สหรัฐเปิดฉากโจมตีทางอากาศ จนเป็นเหตุให้ผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของอิหร่านเสียชีวิต ขณะที่ผู้นำอิหร่านได้แสดงความโกรธแค้นและประกาศว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 16.4 ดอลลาร์ หรือ 1.06% ปิดที่ 1,568.8  ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2556

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.8 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 18.179 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 24.1 ดอลลาร์ หรือ 2.43% ปิดที่ 966.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 33.90 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 1,989.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินยูโรและเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค.ของยูโรโซนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของอังกฤษเริ่มมีเสถียรภาพในเดือนธ.ค.

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1190 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1167 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3163 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3078 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6933 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6958 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.44 เยน จากระดับ 108.01 เยน แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9687 ฟรังก์ จากระดับ 0.9718 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2965 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2991 ดอลลาร์แคนาดา

Back to top button