“สหรัฐฯ-จีน” ลงนามสงบศึกการค้าเฟสแรกตามคาด หลังกดดันเศรษฐกิจโลกนานนับปี!
ทั่วโลกผ่อนคลาย! สหรัฐฯ-จีน ลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกอย่างเป็นทางการ หลังจากปัญหาทางการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกนานนับปี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐฯ และจีน ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกอย่างเป็นทางการแล้ว ที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันพุธที่ 15 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีกลุ่มนักธุรกิจของสหรัฐฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของจีนและสหรัฐฯเข้าร่วมในพิธีด้วย ทั้งนี้ การลงนามในข้อตกลง “เฟสที่ 1” เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในสงครามการค้า หลังจากปัญหาทางการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจทั้ง 2 ส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจโลกมานานนับปี
โดยในข้อตกลงการค้าเฟสที่ 1 การเจรจาส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ความตึงเครียดในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน กล่าวในจดหมายที่ส่งถึง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯว่า “เฟส 1 ดีสำหรับจีน , สหรัฐฯ และทั่วทั้งโลก” ทั้งนี้จดหมายดังกล่าวอ่านโดย นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของจีน
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวระหว่างพิธีลงนามว่า ข้อตกลงนี้เป็นการทำสิ่งผิดพลาดในอดีตให้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่ฝ่ายผู้นำจีนระบุว่า นี่เป็นข้อตกลงที่ทุกฝ่ายต่างได้ประโยชน์ และช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศดีขึ้น
ทั้งนี้ข้อตกลงการค้าเฟสแรก ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 94 หน้า ระบุว่า สหรัฐฯจะปรับลดภาษีลงครึ่งหนึ่งจากอัตรา 15% ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ และชะลอการเก็บภาษีเพิ่มเติมเพื่อแลกกับการที่จีนให้คำมั่นสัญญาในการปฏิรูปโครงสร้าง รวมทั้งซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยสหรัฐฯคาดว่า การดำเนินการดังกล่าวของจีนจะช่วยให้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯปรับตัวลดลง
นอกจากนั้น สหรัฐฯจะยังคงตรึงอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนราว 2 ใน 3 คิดเป็นมูลค่าราว 3.6 แสนล้านดอลลาร์ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน พ.ย. และจะพิจารณาปรับลดอัตราภาษีก็ต่อเมื่อสหรัฐฯและจีนมีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสสอง
ขณะที่จีนให้คำมั่นว่าจะเพิ่มมาตรการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และเปิดเสรีการบริการด้านการเงิน พร้อมกันนี้จะปรับปรุงแก้ไขเพื่อยุติข้อกล่าวหาที่ว่า จีนบังคับให้บริษัทสหรัฐฯถ่ายโอนเทคโนโลยีให้แก่บริษัทจีนและบิดเบือนค่าเงินเพื่อหวังผลประโยชน์ด้านการส่งออก รวมถึงตกลงที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ให้มีมูลค่าสูงกว่าในปี 2560 อีก 2 แสนล้านดอลลาร์ และเพิ่มความเข้มงวดในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา