GULF ดีด 4% ทำออลไทม์ไฮต่อเนื่อง! รับแผนลุยมาบตาพุดเฟส 3-ขยายลงทุนตปท.
GULF ดีด 4% ทำออลไทม์ไฮต่อเนื่อง! รับแผนลุยมาบตาพุดเฟส 3-ขยายลงทุนตปท. ล่าสุดอยู่ที่ 199 บาท บวก 8 บาท หรือ 4.19% มูลค่าซื้อขาย 2.31 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ล่าสุด ณ เวลา 16.24 น. อยู่ที่ 199 บาท บวก 8 บาท หรือ 4.19% สูงสุดที่ 200 บาท ต่ำสุดที่ 190.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.31 พันล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2560 โดยมีราคา IPO อยู่ที่ระดับ 45 บาท
ทั้งนี้ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าระหว่าง GULF ถือหุ้นสัดส่วน 70% และบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด ในกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ถือหุ้น 30% ว่า คาดว่าโครงการมาบตาพุดระยะที่ 3 ในส่วนของถมทะเลและท่าเรือจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 2/2563 เงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (ระยะที่ 3) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็นสองช่วง คือช่วงที่หนึ่ง เป็นงานออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ประกอบด้วย งานขุดลอกและถมทะเล งานขุดลอกร่องน้ำและแอ่งกลับเรือ งานก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นและงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ จะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปีจึงจะแล้วเสร็จ
ทั้งนี้หลังจากดำเนินการก่อสร้างช่วงที่ 2 เป็นงานก่อสร้างท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (Superstructure) บนพื้นที่ถมทะเลประมาณ 200 ไร่ เพื่อรองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ไม่น้อยกว่า 5 ล้านตันต่อปี และส่วนขยายไปจนถึง 10.8 ล้านตันต่อปี
โดยปัจจุบันโครงการมาบตาพุดเฟส 3 ได้ผู้รับเหมาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดซึ่งตามแผนจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ส่วนโครงการมอเตอร์เวย์ คาดว่าจะสามารถลงนาม PPP ได้ภายในเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้
นอกจากนี้บริษัทมีแผนขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยแผนลงทุนปี 2563 ตามแผนเดิมตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการปรับวงเงินลงทุนปีนี้เพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ส่วนการลงทุนในช่วงเงินบาทแข็งค่านั้น บริษัทไม่ได้ฉวยจังหวะเร่งลงทุนในช่วงนี้มากนัก เพราะการลงทุนโครงการรยังคงเดินหน้าตามแผน ขณะเดียวกันบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) เพื่อป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินบาทไว้แล้ว
ส่วนโครงการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทยังคงมีแผนขยายโครงการลงทุนต่อเนื่อง อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าที่ประเทศเวียดนาม จะมีการพิจารณาโครงการลงทุนเพิ่มเติม จากปัจจุบันบริษัทได้ลงนามสัญญาพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ขนาด 6,000 เมกะวัตต์ พร้อมสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว กับทางการเวียดนามไปแล้วเมื่อปี 2562 ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าที่ประเทศโอมาน ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซ 326 เมกะวัตต์ก็จะมีการพิจารณาเพิ่มเติมเช่นกัน อาทิ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์