“เอนก ปิ่นวนิชย์กุล” CEO คนใหม่ NEX เดินหน้าธุรกิจ “บัสโดยสาร” ลั่นผลงานปีนี้พลิกกำไร!
“เอนก ปิ่นวนิชย์กุล” CEO คนใหม่ NEX เดินหน้าธุรกิจ “บัสโดยสาร” ลั่นผลงานปีนี้พลิกกำไร!
นายเอนก ปิ่นวนิชย์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่า ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NEX ว่า บริษัทตั้งเป้าดำเนินธุรกิจรถบัสโดยสารครบวงจร ทั้งรถบัสโดยสารระบบล้อเชื่อมระบบราง รถบัสท่องเที่ยว รถบัสรับส่งพนักงาน และรถบัสโรงเรียน รวมถึงการปล่อยเช่า-ซ่อมบำรุงให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ รวมทั้งสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงิน ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
สำหรับภาพการเติบโตของ NEX นับจากนี้จะพลิกโฉมธุรกิจเข้าสู่ Bus Industry ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการให้เช่ารถบัสโดยสาร รายได้จาการซ่อมบำรุง และรายได้จากเช่าซื้อสัญญา โดยได้ร่วมลงนามในสัญญากับบริษัท สยาม แสตนดาร์ด เอนเนอจี้ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจนำเข้ารถบรรทุกคนโดยสาร และการให้บริการซ่อมบำรุงรถบรรทุกคนโดยสาร ยี่ห้อซันลอง (Sunlong) จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
นอกจากนี้ยังมีบริษัทขนส่งมวลชนใหญ่ที่เป็นทั้งพันธมิตรและผู้สนับสนุนหลัก ในการซื้อรถบัสล็อตใหญ่ พร้อมทั้งสนับสนุนงานซ่อมบำรุงระยะยาว และเตรียมบุกตลาดรถยนต์ EV (Electric Vehicle) ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในอนาคตเติบโตได้อย่างมั่นคงและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
“การพลิกโฉมธุรกิจเข้าสู่ Bus Industry ทั้งรายได้ที่มีเข้ามาสม่ำเสมอ ผลประกอบการมีกำไรตั้งแต่ต้นปี และในแง่ของธุรกิจยังมีบริษัทขนส่งใหญ่สนับสนุน และมีคู่แข่งน้อยรายอีกด้วย ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของ NEX จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ นับต่อจากนี้จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมีศักยภาพมากกว่าที่เป็นอยู่”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NEX กล่าวอีกว่าบริษัทฯ พร้อมที่จะสนับสนุนแผนของกระทรวงคมนาคมในการฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่หันมาใช้รูปแบบการเช่ารถโดยสารจากเอกชน แทนวิธีการจัดซื้อ โดยคิดค่าใช้จ่ายตามระยะทางใช้งาน ซึ่งคาดว่าจะประหยัดงบประมาณได้กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับ ขสมก.ในขณะนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณ ซึ่ง NEX มีความพร้อมในการจัดหารถบัสโดยสาร เพื่อซัพพอร์ตโครงการดังกล่าว ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเชื่อว่าจะชวยลดปัญหาการจราจร และทำให้คนกรุงเทพฯมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากสภาพรถโดยสารที่มีความปลอดภัย และแก้ปัญหาฝุ่นควันบนท้องถนนได้เป็นอย่างดี