SKY ปักธงรายได้ปี 63 โตกว่า 50% ลุยประมูลงานต่อเนื่อง-ขยายตลาด “สมาร์ท ซีเคียวริตี้”
SKY ปักธงรายได้ปี 63 โตกว่า 50% ลุยประมูลงานต่อเนื่อง-ขยายตลาด "สมาร์ท ซีเคียวริตี้"
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทปี 63 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปี 2562 ที่คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ทั้งในส่วนงานภาครัฐ และงานภาคเอกชนที่ปีนี้คาดว่าจะขยายและเพิ่มสัดส่วนรายได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 1/63 บริษัทเตรียมที่จะเข้าประมูลงานภาครัฐหลายโครงการมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท พร้อมกับขยายตลาดสมาร์ท ซีเคียวริตี้ (Smart Security) ไปยังกลุ่มใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงาน เป็นต้น หลังจากเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เซ็นบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับบริษัท SenseTime จากประเทศจีนซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของโลก และบมจ.แสนสิริ (SIRI) ในการร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยครอบคลุม 3 ด้าน คือ การรักษาความปลอดภัย การก่อสร้าง และการให้บริการ
รวมไปถึงการเร่งขยายกลุ่มผู้ใช้บริการดาวน์โหลด AOT AIRPORTS Application ซึ่งบริษัทเป็นผู้พัฒนาระบบให้กับบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) และได้สิทธิในการประกอบกิจการเป็นระยะเวลา 10 ปี โดย AOT AIRPORTS Application ได้เปิดให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 โดยครอบคลุมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ซึ่งบริษัทตั้งเป้าระยะแรกจะมีผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานโหลด AOT Airports Application ประมาณ 5 แสนคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปีต่อ ๆ ไป
“ในปี 2563 นี้สกาย ไอซีทีจะสร้างผลงานนิวไฮ พร้อมรุกตลาดเต็มรูปแบบทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจ Smart Security ซึ่งเป็นบริการโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรและธุรกิจ ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและมีแนวโน้มการเติบโตสูงมากในอนาคต เนื่องจากเป็นยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจหลักของบริษัทเติบโตระยะยาว”นายสิทธิเดช กล่าว
ทั้งนี้ภายในระยะเวลา 5 ปี (63-67) บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท และมีโครงสร้างรายได้กระจายเข้าสู่งานภาคเอกชนมากขึ้นคาดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50% ประกอบด้วยธุรกิจ Digital Platform และ Smart Security ส่วนรายได้จากโครงการภาครัฐจะลดลงมาอยู่ที่ราว 50% จากปัจจุบันอยู่เกือบ 90%